"พล.อ.ประยุทธ์"เรียกประชุม"ศบศ." หารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน 22 ก.ค.พรุ่งนี้ ขณะที่เงินเยียวยา"ลูกจ้าง-นายจ้าง-ผู้ประกันตน-อาชีพอิสระ" คาดเข้าบัญชีต้นเดือน ส.ค.นี้
เมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าของมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเร่งด่วนผู้ประกอบการนายจ้าง ลูกจ้าง ตลอดจนแรงงานกลุ่มอาชีพอิสระ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย 9 ประเภทกิจการในพื้นที่ 10 จังหวัด ล่าสุด ครม. ได้อนุมัติกรอบวงเงินสำหรับโครงการเยียวยา ม.33 เพิ่มอีก10,985.316 ล้านบาท (จากเดิมที่ได้เห็นชอบไปแล้ว 2,519.38 ล้านบาท รวมเป็น 13,504 .696 ล้านบาท) ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้ผู้ประกอบการรายใหม่และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 40 ตามลำดับ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 เพื่อได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ และความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ประกันสังคม โดยขณะนี้ ยอดจำนวนผู้ประกอบการและผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ใน 9 หมวดกิจการ ของพื้นที่ 10 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ประกอบการ161,839 ราย และลูกจ้างมาตรา 33 สัญชาติไทย จำนวน 2,871,592 ราย ที่เข้าสู่ระบบแล้ว ส่วนอีก 3 จังหวัดที่ ศบค. ได้มีประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยานั้น จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามลำดับต่อไป
นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาลูกจ้าง นายจ้าง และผู้ประกันตนทั้งมาตรา33, 39 และ 40 ในครั้งนี้ เมื่อสำนักงานประกันสังคมได้รับจัดสรรเงินงบประมาณจากรัฐบาลและตรวจสอบข้อมูลถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนเว้นแต่นายจ้างมาตรา 33 ที่เป็นนิติบุคคลที่เคยผูกบัญชีกับธนาคารเอาไว้แล้ว จะโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่แรก โดยรายละเอียดการจ่ายเงินให้กับลูกจ้างตามมาตรา 33 กระทรวงแรงงานจะจ่ายเงินกองทุนประกันสังคมเป็นเงินเยียวยา 50% ของเงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท) โดยโอนเข้าบัญชีให้กับลูกจ้างที่กรอกมาในระบบ E-Service และรัฐบาลจะสมทบเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ผ่านพร้อมเพย์ ส่วนนายจ้างตามมาตรา 33 รัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาให้นายจ้าง 3,000 บาท ต่อจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ผ่านพร้อมเพย์ และสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล 5,000 บาท โอนเงินผ่านพร้อมเพย์เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่ากระทรวงแรงงานจะสามารถโอนเงินช่วยเหลือรอบแรกได้ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
นายธนกร กล่าวอีกว่า ผู้ที่มีอาชีพอิสระ ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีแต่ไม่เกิน 65 ปี ที่ยังไม่เคยเข้าระบบประกันสังคมมาก่อน สามารถลงทะเบียนมาตรา 40 เพื่อรับการช่วยเหลือและความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม ได้ง่ายขึ้น เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวสมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) บิ๊กซี(Big C) หรือสมัครด้วยตนเองที่ www.sso.go.th โดยสามารถเลือกการจ่ายเงินสมทบเพื่อได้รับความคุ้มครองที่ต่างกันใน 3 ทางเลือก คือ จ่าย 70 บาท จ่าย 100 บาท และจ่าย 300 บาท ต่อเดือน ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองทันทีเมื่อชำระเงินงวดแรก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจึงสั่งการให้เร่งช่วยเหลือโดยเร่งด่วน โดยในวันที่ 22 ก.ค. 64 นายกฯ จะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่3/2564 หารือสถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน รวมไปถึงมาตรการเยียวยาต่างๆด้วย
วันเดียวกัน นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย พร้อมคณะกรรมการของ 7 สายการบิน จัดประชุมนัดพิเศษในรูปแบบ virtual conference เพื่อออกแถลงการณ์ร่วม เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการเยียวผลกระทบสายการบิน หลังถูกระงับบินชั่วคราวตามคำสั่งของ ศบค. ตั้งแต่วันนี้ (21 กรกฎาคม 2564)
โดย นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น และที่ผ่านมาได้ยื่นเอกสารขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) หรือซอฟท์โลนเพื่อจัดสรรให้กับสายการบินทั้ง 7 สาย ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 รอบแรก (เดือนมีนาคม 2563) และมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบนยังคงไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐบาล รวมเป็นระยะเวลากว่า 478 วัน หรือ 17 เดือน
ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้ปรับลดตัวเลขวงเงินซอฟท์โลน จากจำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท (จากการยื่นขออนุมัติครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2563) เหลือเพียง 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรักษาการจ้างงานพนักงานสายการบินทั้ง 7 สาย รวมเกือบ 2 หมื่นคน ในครึ่งปีหลังของ 2564
อย่างไรก็ตามจากมาตรการรัฐบาลล่าสุดในการจำกัดการเดินทาง ส่งผลต่อการระงับการให้บริการชั่วคราว ในทุกเส้นทางบินเข้าออกพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่ 21 กรกฎาคม 2564 (วันนี้) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปัจจุบัน 7 สายการบิน มีเครื่องบินที่ต้องจอดนิ่งรวมกว่า 170 ลำ และมีค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือนพนักงานทั้งสิ้นรวมกว่า 900 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนด้านการปฏิบัติการบินและการบำรุงรักษาเครื่องบินอีกจำนวนมหาศาล ซึ่งทางสมาคมฯ ประเมินว่าอาจจะแบกรับภาระไม่ไหว หากไม่ได้รับมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาจากภาครัฐโดยเร่งด่วน และอาจส่งผลต่อการกลับมาให้บริการในอนาคตของสายการบิน
ทางสมาคมฯ โดย 7 สายการบิน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณามาตรการความช่วยเหลือวงเงินซอฟท์โลน อย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยประคองธุรกิจสายการบินและการจ้างงานพนักงาน รวมทั้งเพื่อช่วยลดผลกระทบความเสียหายต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและท่องเที่ยวภาพรวม เนื่องจากสายการบินคือธุรกิจด่านหน้าสำคัญ ที่เชื่อมต่อให้เกิดการกระจายและสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
"ตลอดกว่าหนึ่งปีครึ่ง นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายการบินทั้ง 7 สาย ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือตัวเองและปรับตัวเพื่อประคองธุรกิจให้รอดจากสถานการณ์อันยากลำบากครั้งนี้ เรายังมีความหวังว่ารัฐบาลจะช่วยเร่งดำเนินการอนุมัติซอฟท์โลนโดยเร็วที่สุด เพราะนี่คือลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสายการบินแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะกระจายวัคซีนให้เพียงพอ ตัวเลขติดเชื้อดีขึ้นหลังล็อกดาวน์ เพื่อให้สายการบินกลับมาทำการบินได้ เมื่อถึงตอนนั้นเราก็พร้อมที่จะกลับมาบินตามนโยบายเปิดประเทศ หวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล"
ด้าน นายนัดดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กล่าวว่า ปัจจัยแรกตัวเลขการติดเชื้อ การเสียชีวิตลดลงแค่ไหน 2การยอมรับของประเทศคู่ค้าว่ากลับมาเที่ยวเปิดประเทศ จะสามารถมีความมมั่นใจแค่ไหน ที่เรามองกันอาจมีความพยายามเปิดบ้านได้ปลายไตรมาส4 ถ้าเราโชคดี 2 ปัจจัยดีขึ้น น่าจะไตรมาสแรกปี65 แต่ในโลกคึวามเป็นเจริงเมื่อทุกอย่างเข้าที่ กลางปีหน้า การบินระหว่างประเทศจะเริ่มกลับมาเห็นได้ 40-50%
ขณะที่ นายวุฒิภูมิจุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ขณะนี้สายการบินมีต้นทุนที่แบกรับ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าเช่าเครื่อบิน ค่าซ่อมบำรุง ดังนั้นเงินซอฟท์โลน จะช่วยเยียวยาให้กับสายการบินได้ ขณะเดียวกันควรลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำ เนื่องจากสายการบินมีความสำคัญต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจประเทศ ช่วบสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออกนำเข้าสินค้า ท้ายสุดดถ้าอุตสหกรรมการบินปิดตัวลงจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่นๆด้วย