วันนี้ 20 ก.ค.64 ที่ห้องประชุมมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.อ. เฉลิม เนียมช่วย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดผอ.สสจ.จังหวัดฉะเชิงเทรา แถลงต่อสื่อมวลชนด่วนตามมาตรการๆยกระดับคุมเข้ม หลังจังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดแดงเข้มและเข้มงวด 13 จังหวัด
นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกระดับมาตรการคุมเข้มในหลายด้าน ตามที่ ศบค.กำหนด นอกเหนือจากนี้ได้ตั้งจุดสกัดตรวจคนเข้าออกในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 5 จุด 5 อำเภอ ตามเส้นทางจากจังหวัดอื่นเชื่อมต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทราใด้แก่
1.จุดตรวจการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด – 19 บริเวณหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนครเนื่องเขต ฝั่งขาเข้า ทล.304 กม.59 ตำบลนครเนื่องเขต อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
2. บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ฝั่งขาเข้า ทล.314 (สิริโสธร) กม.14+760 ตำบลคลองประเวศ อำเภอบ้านโพธิ์จังหวัดฉะเชิงเทรา 3 บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพนมสารคาม ฝั่งขาออก ทล.304 (ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี) กม.33 ตำบลพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
4. บริเวณหน้าป้อมตำรวจแยกเกตเวย์ ฝั่งขาเข้า ทล.331 ตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
5. บริเวณสี่แยกทางหลวงหมาย 3481 (สี่แยกบางน้ำเปรี้ยว ) ฝั่งขาออก ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ยัง จัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 18 ชุด บรูณาการทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและสาธารณ สุข เข้าพื้นที่ทันทีหากเกิดปัญหาหรืออุปสรรคในจุดตรวจไหน เน้นขอความร่วมมือเป็นอันดับแรก หากยังไม่เชื่อฟังก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมาย นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวต่อว่า ตนเองได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัด จัดซื้อชุดตรวจ ชุดตรวจโควิด “Antigen Test Kit” จำนวน 10,000 ชุดเข้ามาตรวจประชาชนพร้อมกันนี้ตั้งแต่วันที่21เป็นต้นไป จะทำการตรวจเชิงรุกกลุ่มเป้าหมายใหญ่ ตามโรงงานต่างๆ ตั้งเป้าไว้วันละ 2-3,000 พันคน ซึ่งหากมีการตรวจเชิงรุกในลักษณะนี้ จำนวนยอดผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้น จึงอยากประ ชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนว่าไม่ต้องตกใจ เพราะผู้ที่ตรวจพบว่าจะนำตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป พร้อม Bubble & Seal โรงงานนั้นไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อสู่ภายนอก ซึ่งขณะนี้สั่งการเชิงรุก ปิดโรงงานจำนวน 2-3 แห่งก่อนหน้านี้ที่ตรวจพบเชื้อในโรงงาน นอกจากนี้หากโรงงานอื่นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ จะต้องเสนอแผนมาตรการ 4 แผนในการเผชิญเหตุ ให้กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อประเมินความพร้อมในสถานที่ปฏิบัติงาน พร้อมกันนี้ได้สั่งห้าม ให้พนักงานโรงงานที่พักอาศัยนอกจังหวัดฉะเชิงเทรา ลักษณะไปเช้าเย็นกลับเข้ามาทำงานในระยะเวลา 14 วันนี้ โดยใช้เจ้าของสถานประกอบการจัดที่พักให้ในจังหวัด หรือสั่งห้ามไม่ให้บุคคลกลุ่มนี้เข้ามาทำงานในระยะเวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ยังได้จัดตั้งศูนย์บริการช่วยเหลือประชาชน “แปดริ้วไม่ทิ้งกัน” มีสายด่วนที่จะคอยตอบปัญหาเรื่องโควิดครบวงจร จำนวน 50 สาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่รับสายจะทำการประสานงานไปยังส่วนงานต่างๆ ก่อนรายงานผลกลับให้กลับผู้ที่โทรศัพท์ติดต่อมา โดยเป็นการประหยัดเวลาให้ประชาชน สามารรถโทรศัพท์ติดต่อที่เดียวและตอบได้ทุกปัญหา ซึ่งจะใช้เบอร์โทรศัพท์ 038-512-222 ในเวลา 8.30-18.00 น. หากเกินเวลา สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ที่คอลเซนเตอร์ 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งศูนย์นี้ขอเวลาเตรียมสถานที่และอุปกรณ์อีก 2 วัน จะเปิดทำการให้บริการประ ชาชนเต็มรูปแบบอีกส่วนหนึ่งใด้สั่งการนายอำเภอทั้ง11อำเภอกรณีมีการร้องเรียนเข้ามาต้องรับสายและดำเนินการไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโควิคหรือรถบรรทุกเกินน้ำหนักวิ่งผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านโพธิ์ หรือผักตบชวาในแม่น้ำบางปะกงหรือเรื่องอื่นๆที่เป็นความเดือดร้อนรวมทั้งบ่อนการพนันในพื้นที่ทุกอำเภอด้วย
ขณะที่ชาว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทราหวั่นวิตกเพราะเป็นพื้นที่รอยต่อจากจ.ชลบุรีรวมถึงรอยต่อสมุทรปราการมีจำนวนคนงานที่เดินทางไปกลับเช้า/เย็นรวมถึงการทำOTเป็นจำนวนมากหากมีการติดเชื้อและนำเชื้อเข้าสู่พื้นที่จะยิ่งเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นเนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก
ชวลิต ด้วงเงิน/ผู้สื่อข่าวภูมิภาคฉะเชิงเทรา