"ชวน"รับลูก ศบค.สั่งงดประชุมสภาฯเพิ่มอีก 1 สัปดาห์ "ก้าวไกล"โวมีหมัดน็อค"นายกฯ"กลางสภาฯ มั่นใจหลัง"ศึกซักฟอก"ยุบสภาฯแน่นอน ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 20 ก.ค.64 นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า จากที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร มีคำสั่งให้งดประชุมสภาผู้แทนราษฎร 2 สัปดาห์ โดยจะให้มีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 กรกฎาคมนั้น ต่อมาเมื่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้ออกข้อกำหนดฉบับที่ 28 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม โดยมีผลยบังคับใช้ถึงวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญส่วนหนึ่งเป็นการจำกัดการเคลื่อนย้ายบุคคลและยังเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 3 ในข้อ 3 ห้ามมิให้มีการบินรับ-ส่งผู้โดยสารเข้า-ออกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมเป็นต้นไป ส่งผลให้การเดินทางมาประชุมของส.ว.และส.ส.มีปัญหา ดังนั้น นายชวนจึงมีดำริงดประชุมรัฐสภาออกไปจากกำหนดเดิมอีก 1 สัปดาห์ นพ.สุกิจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นายชวนได้ถามความเห็นและขอมติจากวิปทั้ง 4 ฝ่าย โดยได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้ประสานงานไปยังประธานวิป รวมทั้งวิปคนสำคัญที่มักจะมาเข้าร่วมประชุมอยู่เสมอ ได้แก่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ส.ว.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งวิปคนสำคัญทุกคนเห็นชอบ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้งดประชุมเพิ่มจากกำหนดเดิม เมื่อถามว่าหากครบกำหนดงดประชุมเพิ่ม 1 สัปดาห์แล้วจะต้องมีการประเมินสถานการณ์ใหม่ใช่หรือไม่ นพ.สุกิจกล่าวว่า นายชวนยังไม่มีดำริในเรื่องนี้ วันเดียวกัน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่า จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 และจะยื่นญัตติภายในเดือนส.ค. ส่วนวันที่แน่นอนขอประเมินสถานการณ์ที่เหมาะสมอีกครั้งว่าจะยื่นเร็ว หรือยื่นช้า เพราะสถานการณ์ขณะนี้ มีกระแสไม่ยอมรับรัฐบาลสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายฯ นั้น ต้องรอให้แต่ละพรรคไปทำรายละเอียดมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นรายชื่อคนที่ถูกอภิปรายฯ ตอนยื่นญัตติ แต่คนหลักแน่นอนคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม "การอภิปรายฯ ครั้งนี้น่าจะเป็นการอภิปรายฯ ครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล จะอภิปรายฯ แบบเน้นประเด็น ไม่กระจัดกระจายเหมือนที่ผ่านมา โดยจะร่วมมือกับประชาชน และข้าราชการที่ทนไม่ไหวกับรัฐบาล หากพี่น้องประชาชน และข้าราชการที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม และการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ก็สามารถส่งข้อมูลมาที่พรรคก้าวไกล ได้"นายชัยธวัช กล่าว นายชัยธวัช กล่าวว่า หวังว่าการอภิปรายฯ ครั้งนี้จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งตนคิดว่า สามารถเป็นไปได้ 2 ทาง คือ 1.นายกฯ ลาออก และ 2. ยุบสภาฯ แต่ตนเห็นว่า ถ้านายกฯ ลาออกอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนหัวอย่างเดียว และเป็นหัวที่มาจากกลุ่มอำนาจเดิม มีโอกาสที่จะเป็นนายกฯ คนนอก ตามกลไกของรัฐธรรมนูญ คสช. ที่วางไว้ในการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น การลาออก และเปลี่ยนหัวอย่างเดียวก็จะสุ่มเสี่ยงในแง่นี้ ขณะที่การยุบสภาฯ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเท่ากับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจ เลือกพรรคการเมืองที่นำเสนอนโยบาย และมาตรการที่จะมากอบกู้ประเทศ ในช่วงวิกฤต และหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งการจัดการเลือกตั้งใหม่สามารถทำให้เร็วขึ้นได้ ในหลายประเทศก็ยุบสภาฯ ระหว่างเกิดวิกฤตโควิด-19 และเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกเดินประเทศในแนวทางเแบบไหน "ตอนนี้ข้าราชการจำนวนมาก ก็ชัดเจนว่าอึดอัดกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ที่ไม่มีความสามารถ ยังไม่นับการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองที่เป็นการซ้ำเติมประเทศ เราก็ได้ยินมาเยอะ และข้าราชการก็ส่งข้อมูลมาให้เราว่า ไม่พอใจเยอะ หากคิดว่า จะช่วยกันเปลี่ยนให้ได้จริงๆ ข้าราชการ และประชาชนที่มีข้อมูล ที่อดรนทนไม่ไหวและอยากจะร่วมกับเรา เปลี่ยนการเมืองให้ดีกว่านี้ ส่งข้อมูลมาให้พรรคก้าวไกล ได้ โดยเราจะประกาศช่องทางรับข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ภายในสัปดาห์นี้" นายชัยธวัช กล่าว ขณะที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ออกมาประณามตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.เกินกว่าเหตุ ขอนายกฯ มองผลกรรมของตัวเองและรัฐบาลบริหารโควิดเลวร้าย โดยระบุว่ากลุ่มที่สมควรจะถูกประณามน่าจะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมมากกว่า เพราะได้กระทำผิดกฎหมายฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อีกทั้งยังทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤตระบาดเชื้อโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากแต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มปลดแอกกลับยืนยันที่จะยังที่จะชุมนุม ทั้งนี้หากเกิดคลัสเตอร์ขึ้นมาจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ นอกจากนี้จากการจับกุมผู้ชุมนุมบางคนยังพบว่ามีทั้งหนังสติ๊กลูกแก้วจำนวนมาก มีมีดยาวประมาณ 1 ฟุต มีดพับ และการชุมนุมครั้งนี้ยังทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บ 8 นาย ซึ่งต้องถามกลับนายรังสิมันต์ว่าแบบนี้ใช่หรือไม่ที่เรียกว่าการชุมนุมอย่างสงบ นายเสกสกล ยืนยันว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำตามยุทธวิธีทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจขยายตัวมาก และตลอดการชุมนุมตำรวจได้แจ้งประกาศเตือนผู้ชุมนุมตลอด ส่วนแก๊สน้ำตาที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ส่วนข้อเสนอที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ให้นายกฯลาออกคงทำไม่ได้ เพราะนายกฯไม่ได้ทำผิดอะไร หรือโกงกินบ้านเมือง และต้องอยู่ครบเทอม ขณะที่งบประมาณกองทัพก็ถูกปรับลดลงแล้ว ขณะที่วัคซีน mRNA ก็กำลังจะเข้ามาในประเทศไทยเพื่อฉีดให้กับคนไทยแล้ว ดังนั้นตนเองมองว่าม็อบ 3 นิ้วไม่ต้องหาข้ออ้าง แต่อยากออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความเดือดร้อนมากกว่า "สำหรับนายรังสิมันต์ตนเองมองว่าที่ออกมาเชียร์ม็อบ 3 นิ้วนั้นก็เพราะยังลืมอาชีพเดิมไม่ได้ที่เคยเป็นแกนนำม็อบ พอได้เป็น ส.ส.ฝ่ายค้านก็จะอาศัยการเคลื่อนไหวม็อบ 3 นิ้วเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ซึ่งตนเองก็มองว่าคนที่ต้องตบหน้าตัวเองเรียกสติกลับมา แล้วแหกตามองให้ชัดเสียทีว่าตนเองเป็นใคร เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่คอยแต่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองและประชาชน หรือเป็น ส.ส.ที่มาจากเสียงของประชาชนแต่ยังทำให้ประชาชนเดือดร้อน และหากจะยังให้ความสนใจแต่กลุ่มผู้ชุมนุมโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน ตนเองก็มองว่านายรังสิมันต์ควรลาออกจาก ส.ส.ไปเป็นแกนนำม็อบ 3 นิ้วอย่างที่ถนัดจะดีกว่า" นายเสกสกล กล่าว