เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ร.ต.อ.นิวัฒน์ แจงกระโทก รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนนอนเสียชีวิตกลางทุ่งนา ที่ท้ายหมู่บ้านสามพร้าว หมู่ 10 ต.สามพร้าว จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบศพนายประพันธ์ บุตรจันทร์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 9 ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร สภาพศพ สวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขาสั้นสีเขียว นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในแปลงนา มีน้ำขังลึกประมาณ 1 ฟุต โดยมี “เจ้าอาน” สุนัขพันธุ์ไทย เพศเมีย อายุ 2 ปี สีดำขาว นอนอยู่บนคันแทนนาเฝ้าร่างผู้เสียชีวิตไม่ห่างไปไหน จากการชันสูตรตามร่างกายไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย แพทย์ระบุเสียชีวิตเนื่องหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน มาประมาณ 8 ชม. จากการสอบสวน นายบุญโฮม สุวรรณแสง อายุ 50 ปี ญาติและเป็นผู้พบศพ ให้การว่า ผู้ตายเป็นน้องเขย มีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีนิสัยชอบดื่มเหล้าประจำ แต่ก็ชอบช่วยงานเช่นเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ เย็นวานนี้ตนและญาติกำลังดำนา เห็นผู้ตายเดินจากบ้านผ่านทุ่งนา คิดว่าผู้ตายจะไปซื้อเหล้าที่ร้านค้าซึ่งอยู่ห่างประมาณ 200 เมตร ซึ่งผู้ตายเดินไปซื้อประจำ แต่ไม่ได้สอบถาม ดำนาเสร็จทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน กระทั่งเช้าวันนี้ ตนมาดูน้ำในแปลงนา พบร่างผู้ตายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ในแปลงนา โดยมี “เจ้าอาน” สุนัขของผู้ตายเฝ้าศพอยู่บนคันนาตลอดทั้งคืน ตนจึงรีบวิ่งไปบอกญาติพากันออกมาดู ก่อนโทรแจ้งตำรวจ นายบุญโฮม เล่าต่อว่า ผู้ตายเป็นคนรักสุนัข และเลี้ยง “เจ้าอาน” มาตั้งแต่เล็ก ให้อาหารตลอดไม่เคยตีเลย เวลาผู้ตายจะไปไหน เจ้าอานก็จะติดตามไปด้วย หากผู้ตายไปนั่งที่ไหน ก็จะนอนเฝ้าไม่ห่าง พอตนเห็นเจ้าอานนั่งอยู่คันนาไม่ห่างจากศพ ก็มั่นใจว่ามันคงเฝ้าผู้ตายเจ้านายของมันทั้งคืน ไม่ไปไหน กระทั่งมีคนมาพบศพ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรพลิกศพ เจ้าอานก็เดินวนไปมารอบศพด้วยความเป็นห่วง ทำให้นายบุญโฮม ต้องอุ้มเจ้าอานออกมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้สะดวก ซึ่งนายบุญโฮมจะเป็นคนรับเลี้ยงเจ้าอานต่อจากผู้ตาย เพราะถือว่าเป็นสุนัขที่รักเจ้านาย ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายเดินไปซื้อเหล้าที่ร้านค้าประจำมาดื่ม แต่เกิดวูบล้มลงกลางทุ่งนาเนื่องจากหัวใจล้มเหลวและไม่มีใครเห็นหรือช่วยเหลือทัน ทำให้เสียชีวิต และญาติไม่ติดใจ และจะนำศพไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่นอน ก่อนที่จะมอบศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.