วันที่ 19 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวถึงการทำงานของสื่อมวลชนและอาสาสมัครที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงล็อกดาวน์จะสามารถทำงานได้หรือไม่ว่าในส่วนของสื่อมวลชนถือว่ามีความจำเป็น สามารถออกไปทำงานนอกสถานที่ได้ แต่อย่างไรก็ตามขอให้สื่อมวลชนยึดตามมาตรการป้องกันโรค เพื่อเป็นตัวอย่างกับพี่น้องประชาชนและลดการแพร่เชื้อ ส่วนกรณีของอาสาสมัครถือเป็นการทำงานบริการด้านสาธารณสุข ซึ่งได้รับการยกเว้น ซึ่งสามารถทำงานได้
เมื่อถามว่า กรณีผู้ที่เดินทางจากต่างจังหวัดมาฉีดวัคซีนในกทม. ที่ขณะนี้ห้ามบิน จะยังสามารถขับรถเข้ามาได้หรือไม่ และจำเป็นต้องมีเอกสารเข้าพื้นที่ด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า โดยปกติแล้วการฉีดวัคซีนจะฉีดในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เว้นแต่กรณีที่มีการนัดให้มาฉีดวัคซีน ก็ขอให้แสดงหลักฐานการนัดกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นตามข้อกำหนด
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางศบค.มีความห่วงใย และอยากให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางจากพื้นที่สีแดง สีส้มมายังพื้นที่สีแดงเข้ม เพราะจะทำให้ได้รับความเสี่ยงในการติดเชื้อ ส่วนหลักฐานในการเดินทางหากมีเป็นเอกสารสามารถยื่นแสดงได้ แต่หากไม่มีเอกสาร สามารถกรอกแบบฟอร์มได้ที่เว็บไซต์หยุดเชื้อเพื่อชาติ และท่านจะได้รับคิวอาร์โค้ด เมื่อไปถึงด่านก็ให้แสดงคิวอาร์โค้ดกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำด่านจะมีแอปพลิเคชันที่อ่านคิวอาร์โค้ดก็จะสามารถเดินทางได้ รวมถึงจะต้องตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม ซึ่งอาจจะไม่สะดวกแต่ก็ต้องมีมาตรการคัดกรองเพื่อจำกัดและหลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด
เมื่อถามว่า การเดินทางช่วงกลางวันที่ไม่ใช่เวลาเคอร์ฟิวเป็นลักษณะขอความร่วมมือหรือคำสั่งห้าม เลขาฯ สมช.กล่าวว่า เป็นลักษณะของการบังคับใช้ 2 ห้วงเวลาคือ ห้วงเวลาเคอร์ฟิวเราใช้คำว่าห้าม ส่วนนอกเวลาเคอร์ฟิวยังมีความจำเป็น ต้องเว้นในบางกิจการ/กิจกรรม ฉะนั้นในช่วงนี้ขอใช้คำว่าให้งด ให้หลีกเลี่ยงเพราะเมื่อมีมาตรการที่เข้มข้นต่อไปอาจเป็นต้องใช้คำว่าห้ามซึ่งจะมีกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นน้อยกว่านี้
เมื่อถามว่า ข้อกำหนดระบุว่าเปิดสถานพยาบาลได้นั้น รวมถึงโรงพยาบาลสัตว์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า รวมด้วยซึ่งเป็นในแง่ของมนุษยธรรม และเป็นกิจการด้านบริการสาธารณสุข เพราะในปัจจุบันพี่น้องประชาชนมีสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในความดูแลและมีความผูกพันกัน หากสัตว์ป่วยหรือไม่สบาย ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
เมื่อถามว่า ศบค.มีการเตรียมแผนรองรับอะไร หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลด จะมีการใช้โมเดลอู่ฮั่น ปิดเมืองคุมเชื้อหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้คิดสถานการณ์ขั้นต่อไปอยู่ตลอดเวลา เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะทำอย่างไร หากสถานการณ์ไม่ดีจะทำอย่างไร ส่วนโมเดลอู่ฮั่นเป็นข้อพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคได้พูดถึงกรณีนี้ แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องฟังกระทรวงสาธารณสุขว่า จะประเมินอย่างไรมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ลักษณะโมเดลอู่ฮั่นหรือไม่ แต่ศบค.มีความพร้อมในทุกกรณี
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มจะล็อกดาวน์แบบห้ามออกจากบ้านหรือไม่ และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อแค่ไหน ถึงจะต้องใช้มาตรนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราไม่ได้มองตัวเลขได้ตัวเลขหนึ่ง เรามองจากหลายปัจจัย ไม่ได้มองแค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ
เมื่อถามว่า ศบค.ได้ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันว่ายังเอาอยู่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ได้เรียนพี่น้องประชาชนไปหลายครั้งแล้วว่าความสำเร็จในการควบคุมโรคประกอบด้วยกัน 3 ส่วนคือ 1.หน่วยงานภาครัฐจะต้องมีความเข้มข้นจริงจังในมาตรการควบคุมโรค 2.ภาคเอกชนและผู้ประกอบการให้การสนับสนุนตามมาตรการที่ศบค.กำหนด และ3.พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆที่ภาครัฐและภาคเอกชนกำหนด ทั้งนี้ในส่วนที่ 4.ที่จะขับเคลื่อนทำให้มาตรการต่างๆเป็นประโยชน์หรือมีประสิทธิภาพคือ สื่อมวลชนที่จะทำความเข้าใจและขยายผลไปยังพี่น้องประชาชน ซึ่งถ้าร่วมมือกันอย่างจริงจังทั้ง 4 ส่วน ก็คาดว่าสถานการณ์จะเอาอยู่ แต่ถ้าลำพังศบค.อย่างเดียวต่อให้มีมาตรการที่เข้มงวด แต่ถ้าอีก 2-3 ส่วนไม่ได้ให้ความร่วมมือ ก็คงคิดว่าศบค.ไม่น่าจะเอาอยู่