'หนิม คะนึงพิมพ์' เปิดเส้นทางชีวิตที่ขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงเพราะสานฝันให้คุณพ่อคุณแม่ พร้อมเปิดความลับค้นพบตัวเองมีสัมผัสพิเศษ จนเคยมีผีมากระซิบให้กระโดดตึก จิ๋วแต่แจ๋วแถมพลังเสียงที่ติดตัวมาของ หนิม คะนึงพิมพ์ หรือที่หลายคนรู้จักเธอและยังติดตาอยู่ในภาพ หนิม AF5 ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวได้เล่าถึงเส้นทางการมาเป็นนักร้องยืนอยู่กลางสปอร์ต ไลฟ์นี้ก็เพราะว่ามาสานฝันให้คุณพ่อ คุณแม่ที่ชอบในเสียงเพลงและทางด้านดนตรี แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้เธอก็ผ่านการประกวดมากว่า 50 เวที และมีเวทีหนึ่งที่ทำให้ หนิม ถึงกับท้อแทบถอดใจไม่อยากร้องเพลง และเปิดความลับค้นพบตัวเองมีสัมผัสพิเศษ จนเคยมีผีมากระซิบให้กระโดดตึก หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการเดินทางเป็นนักล่าฝันเข้าบ้าน AF จริงๆแล้วเริ่มต้นล่าฝันนี้เพราะว่าเป็นฝันของคุณพ่อ หนิม คะนึงพิมพ์ : ใช่ค่ะ คุณพ่อชอบแต่งเพลง ชอบแต่งกลอน (แต่คุณพ่อไม่ได้เป็นนักร้อง นักดนตรีนะคะ ) แต่ท่านมีความชอบทางด้านนี้ค่ะ ส่วนคุณแม่เป็นคนที่เสียงเพราะนะคะ แต่ก็ร้องเพลงไม่เป็นเหมือนกัน เขาก็เลยเอาทุกอย่างมารวมที่เราพอมีลูกสาวก็อยากให้ลูกสาวเป็นนักร้อง เพราะเป็นความชอบของคุณพ่อคุณแม่ เขาอยากให้เราเป็นนักร้องลูกทุ่งเพราะทุกอย่างที่เขาเลี้ยงเรามาลูกทุ่งเลย อย่างตอนเช้าเวลาที่เขาจะมาปลุกเรา(คือที่บ้านทำเครื่องเสียงใช่ไหมคะ) คุณแม่ ก็จะมาเปิดเพลงแบบ เต็มเหนี่ยวไปเลยพี่ (หัวเราะ) เป็นแบบนี้ทุกวันเลยทำให้เราเป็นคนที่ชอบเพลงลูกทุ่ง ชอบเพลงสนุก เป็นลูกทุ่งสายแดนซ์ เลยค่ะ จนขนาดที่คุณพ่อ ตั้งวงดนตรีขึ้นมาเพื่อจะได้ให้ลูกสาวร้อง หนิม คะนึงพิมพ์ : ใช่ค่ะ เพราะมีอยู่วันหนึ่งเราดูละครเรื่อง สาวน้อยคาเฟ่ แล้วเราก็ร้องเพลงในละครเรื่องนี้ได้ทุกเพลงเลย แล้วคุณพ่อก็เห็นก็รู้สึกว่าน่าจะนึกเวลาเราแล้ว และสิ่งที่เขาปลูกฝังมาคือประสบความสำเร็จแล้ว แล้วด้วยความที่ที่บ้านมีเครื่องเสียงอยู่แล้วคุณพ่อก็ตั้งวงดนตรีขึ้นมา ด้วยการนำเพื่อนๆมาเล่นให้เราร้อง และก็ได้เสียงตอบรับดีเลยนะคะ เพราะเราไปร้องเพลงในแบบเยาชนก็จะใสๆเจ้าภาพท่านไหนที่เขาชอบแบบใสๆก็จะจ้างเราไป ซึ่งไม่ใช่แค่คุณพ่อนะคะ ที่ฝันอยากให้เราเป็นนักร้องตัวของเราด้วย ไม่ได้ฝันอยากเป็นอย่างอื่นเลยเพราะเราอยากเป็นนักร้อง อยากอยู่ในวงการบันเทิง เพราะด้วยความที่เราชอบด้วย หนิม ถึงกับไปเดินสายประกวดร้องเพลงถึง 50 กว่าเวทีเลย หนิม คะนึงพิมพ์ : เริ่มจากที่คุณพ่อคุณแม่พาไปก่อนค่ะ เริ่มจากงานระดับอำเภอ งานเปิดตลาด เราก็ไปร้องเพลงพอชนะระดับอำเภอเราก็ขยับไประดับจังหวัด พอเราประกวดมาเยอะๆน้องๆที่มาประกวดด้วยก็บอกเราว่า พี่หนิม มาหนูไม่อยากมาประกวดเลย เราก็เลยเริ่มมาขยับระดับประเทศก็คือ บ้าน AF ค่ะ ซึ่งระหว่างที่เราร้องเพลงเราก็มีการเรียนควบคู่กันไปด้วยค่ะ เพราะว่า หนิม ฝึกฟ้อนรำดาบตอนตั้งแต่อายุ 6 ซึ่งตอนแรกเราก็รู้สึกว่าไม่ชอบ แต่พอเราไปงานแล้วมีการฟ้อนพอเราไปฟ้อนแล้วเราได้เงิน (เป็นแรงจูงใจที่ชัดเจนมาก) เราก็รู้สึกว่ามันเป็นอาชีพได้เราก็เลยมาเรียนเพิ่มเป็นฟ้อนเล็บ ฟ้อนสาวไหม แล้วก็เรียนมาเรื่อยๆเลยค่ะ ส่วนเรื่องของการร้องเพลงเราก็เน้นเรียนแบบลูกทุ่งไปเลยค่ะ เพราะว่าเราเริ่มหัดร้องด้วยตัวเองก่อนแล้วก็ไปประกวดที่โรงเรียน แล้วบังเอิญตอนไปประกวดเราได้ไปเจอกับครูป้อม ก็ขอเบอร์โทรเราไว้แล้วครูก็โทรมาถามว่าเราอยากเรียนร้องเพลงไหม เราก็บอกว่าอยากเรียนแต่เราก็ไม่ได้มีเงินที่จะเอาไปจ่ายค่าเรียนอะไรขนาดนั้นครูก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวครูสอนให้ฟรี ก็ไปเรียนแล้วก็พักอยู่ที่บ้านครูคือ เราไปวันเสาร์ แล้วกลับมาที่บ้านวันอาทิตย์ ซึ่งระหว่างที่เรียนเราก็มีไปประกวดบ้าง เพราะคุณครูส่งประกวดซึ่งพอเราไปประกวดแล้วเด็กๆเห็นก็มีเด็กๆตามมาเรียนกับคุณครูเยอะคะ คุณพ่อคุณแม่ และคุณครูพาเดินสายประกวดแล้ว AF นี่ใครพา หนิม มาเอ่ย หนิม คะนึงพิมพ์ : สำหรับเวทีนี้มาเองเลยค่ะ คือด้วยความที่เราฝันอยากเป็นนักร้องแล้วตอนที่เราเดินสายประกวดเราก็มีผิดหวังบ้าง แต่ก็มีเพื่อนมาชวนว่าไปประกวดเวที AF ไหม ตอนนั้นก่อนที่จะมาประกวดเราก็แอบรู้สึกกลัวๆอยู่นะคะ เพราะเราผิดหวังมาจากอีกเวทีทำให้เรารู้สึกว่าหรือว่าเราไม่เหมาะกับการร้องเพลง เราไม่เหมาะกับอาชีพนี้แล้ว แต่เพื่อนก็บอกว่าอีกเวทีหนึ่งแล้วกัน เราก็เลยไปแบบไม่คิดมากได้ก็ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตอนที่ไปประกวดคือเริ่มจากระดับภาคก่อนค่ะ พอเราตัดสินใจไปเราก็ยังไม่บอกคุณพ่อคุณแม่เพราะกลัวท่านเสียใจ จนเราได้เข้ารอบมาเรื่อยๆจนถ่ายทอดสดคุณพ่อก็มาทราบตอนนั้นพร้อมเพื่อนๆข้างบ้าน เพราะเพื่อนบ้านดูทีวีอยู่ค่ะ ตอนที่เข้ารอบประกวด AF คุณพ่อ ไม่งงไม่สนใจที่ทำไมลูกสาวไม่บอก แต่พอผ่านเข้ารอบแล้วต้องกลายมาเป็นนักร้องลูกทุ่งนุงสั้นทำให้คุณพ่อถึงกับโกรธเลย หนิม คะนึงพิมพ์ : เพราะด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่รักษาวัฒนธรรม เขาอยากให้แต่งตัวเรียบร้อย หวานๆ แล้วเวลาอยู่บ้านใส่กางเกงขาสั้นคือ ต้องเสมอหัวเข่า สั้นกว่านั้นไม่ได้เลย แต่พอเราเข้ารอบแล้วต้องมาเป็นนักร้องแล้วเราต้องแต่งตัวใส่กางเกงขาสั้น คือ คุณพ่อโกรธมาก (เพราะว่าเราเลือกเองเลยค่ะว่าเราจะใส่กางเกงขาสั้นเพราะเราจะอยากเปรี้ยว พอใส่ขาสั้นเรารู้สึกว่าเรามีพลัง) แล้วคุณพ่อ ดูทีวีพอเห็นเราใส่กางเกงขาสั้น คุณแม่ มาเล่าให้ฟังทีหลังว่าคุณพ่อจะโทรมาที่รายการว่าอชุดอะไรมาให้ลูกเขาใส่ แต่สุดท้ายเขาก็ค่อยๆทำใจค่ะเพราะว่าเรามาทางนี้แล้ว และหลังจากที่เราออกจากบ้าน AF แล้วออกมาเป็นลูกทุ่งสายเซ็กซี่ คุณพ่อ ถึงขนาดพูดว่าไม่อยากจะเห็นลูกตัวเองเลยคือ อยากจะหนีไปไกลๆเลย หนิม คะนึงพิมพ์ : ใช่ค่ะ คุณพ่อเขาบอกว่าเขาเสียใจมาก เพราะเขาปลูกฝังให้เราเหมือนพี่ฝน ธนสุนทร แบบใส่ชุดเรียบร้อย แต่พอมาเห็นเราใส่ชุดเซ็กซี่สั้นๆเขาก็ตกใจไม่เหมือนที่เขาคิดไว้ เขาก็รู้สึกเสียใจแล้วยิ่งมีคนมาบอกว่าลูกสาวเซ็กซี่มากเขายิ่งเสียใจไปอีก เขาก็บอกว่าเขาอยากหนีไปไกลๆ แต่ถามว่าเรารู้สึกยังไงก็เราชอบที่จะใส่แบบนี้ (หัวเราะ) แต่เราก็เปิดใจที่จะคุยกันนะคะ อธิบายให้คุณพ่อฟังว่าคำว่าเซ็กซี่ของคนสมัยนี้ อาจจะไม่เหมือนที่พ่อนิยามไว้นะ สำหรับเขามันดูแรง แต่คนทั่วไปก็ปกติสำหรับคำว่าเซ็กซี่ แต่อยู่วันหนึ่ง หนิม ก็สัมผัสที่ 6 เป็นเรื่องประหลาดเพราะว่าอยู่วันหนึ่งเราก็สัมผัสได้ หนิม คะนึงพิมพ์ : คือ ก่อนหน้านี้คือไม่เคยเห็นเห็น หรือไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้เลย (แต่โดยปกติเป้นคนที่ไม่กลัวผีนะคะ แต่พอมาได้เจอก็กลัว และด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบเรื่องลี้ลับแบบนี้อยู่แล้วด้วยมั้งคะ) แล้วจุดเริ่มต้นคือ เพื่อนของเราเช่าพระสมเด็จฯมา แล้วเขาก็เอามาให้เราดูแล้วราคาค่อนข้างที่จะสูงเราก็เลยขอจับหน่อยได้ไหมว่าเป็นยังไง แต่ปรากฏว่าจับแล้วร้อนมือ (เหมือนพระมีพลัง มีพุทธคุณ) เหงื่อเราก็เริ่มแตก แล้วใจของเราก็สั่นไม่ปกติเลย (เหมือนเราเจออะไรตื่นเต้นแล้วเหงื่อแตกแบบนั้นเลยค่ะ) เราก็มีแอบสงสัยนะคะว่าเราเป็นอะไร แต่เราคิดว่าคงมาจากองค์พระแหละเพราะว่าเกิดขึ้นทันทีที่เราจับเพราะเราก็เกิดอาการเวียนหัว แล้วอยากจะอาเจียน แล้วพอเพื่อนรับคืนไปเราก็เหมือนพลังเราตกลงเรื่อยๆเริ่มเพลีย เริ่มไม่มีแรง (อันนี้เราเข้าใจเอาเองนะคะ เหมือนเวลาที่เราใส่พระไปแล้วเวลาที่เราไปคุยกับใครแล้วเขาก็ตามเรา เหมือนพูดแล้วคนอื่นฟังแล้วเชื่อตาม เหมือนมันไม่มีสติคุยกับคนนี้) แล้วเหมือนพอเพื่อนรู้แล้วว่าพอจะซื้อหรือเช่าพระเอามาให้ หนิม ดูดีกว่าก็กลายมาเป็นหลายๆองค์มาให้ดูให้เลือก องค์ไหนพลังแรงสุดเขาก็จะเลือกองค์นั้นเพราะเขาก็เชื่อเรา แต่อันนั้นคือ จุดเปิดให้เราเหมือนมีการเปิดสวิตช์เกิดขึ้นค่ะ หลังจากนั้นเริ่มสัมผัสได้ว่าห้องนี้มีมวลสารอะไรบางอย่างนะ (ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีความรู้สึกเลย) สิ่งที่เราสัมผัสได้คือ อย่างเราอยู่ในห้องนี้เราอยู่ไปได้สักพักเราจะรู้สึกว่ามีใครมองเราอยู่หรือเปล่า (อย่างในห้องเราล่าสุดเลยที่เราสัมผัสได้คือ เรารู้สึกว่าเหมือนมีคนมาจ้องเรา) แล้วเราก็ไปพาเพื่อนมาเพื่อนก็บอกว่าเห็นมีคนนั่งอยู่ในมุมนั้นของห้องเราแล้วเขาก็ทิ้งเรากลับบ้านไปเลย แล้วเราก็เริ่มกลัวก็เลยชวนเพื่อนมานอนด้วยแล้วปรากฏว่าพอเพื่อนกลับไปคือ เขาก็ฝันร้านยจิตตกกลับไปเลย ซึ่งเรารับรู้ได้เลยว่าพลังงานที่อยู่ ณ ตอนนี้ คือ พลังงานไม่ดีเพราะว่าเขามาบอกให้เราฆ่าตัวตาย (เป็นช่วงที่เรายังลืมตาตื่นอยู่เลยค่ะ แล้วเราก็ได้ยินเสียงว่า เครียดเหรอไปโดนตึกสิ) เสียงนั้นคือ เสียงผู้หญิง เลยค่ะ ซึ่งพอเราได้ยินเสียงแบบนั้นอันดับแรกด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบเรื่องนี้อยู่แล้วในห้องของเราก็มีของขลังเยอะ ทั้งพระ ทั้งมีดหมอ แต่เรารู้สึกว่าถ้าเราจิตตกมากจนดิ่งเราจะไม่สามารถใช้ของขลังที่เรามีอยู่ได้เลย เราก็ได้ปรึกษาหลายๆคนคือ ทุกคนก็แนะนำว่าย้ายห้องแล้วจบ แล้ว หนิม เคยถามใครไหมว่าผู้หญิงที่เขามาให้เราเห็น เขามาจากอะไร หนิม คะนึงพิมพ์ : ก็ถามค่ะ ก็มีคนบอกว่าผู้หญิงคนนี้เขาอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว แล้วบังเอิญว่าเขาจะเห็นเราในช่วงที่เราจิตตก แบบเราอาจจะคิดมากเรื่องงานพอดีเขาก็สามารถที่จะมาแทรกได้ แล้วพอเราย้ายห้องจากคอนโดเราก็มานอนที่บ้านเพื่อนเราก็ฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่าขออยู่ด้วยได้ไหมเราก็ไม่ตอบ แล้วอีกคืนเขาก็มาอีกว่าขออยู่ด้วยได้ไหมเราก็บอกว่าเราไม่ใช่เข้าของห้องให้ไปขอเจ้าของห้องดู แล้วอีกคืนคือนอนๆอยู่เพื่อนก็ร้องกรี๊ดขึ้นมา แล้วพอตื่นเช้าเขาก็มาเล่าให้เราฟังว่ามีคนมาขออยู่เพื่อนก็ให้อยู่แต่ต่างคนต่างอยู่นะ แต่เราไม่ได้เห็นไปหมดนะคะ เราจะเห็นเฉพาะบางคนที่เขาอยากสื่อกับเราจริงๆ เพราะด้วยความที่เราสัมผัสและเห็นได้จริงๆเอง เลยทำให้ หนิม เข้าไปสัมผัสกับการดูดวง หนิม คะนึงพิมพ์ : ตอนนี้ก็ดูด้วยการเปิดไพ่ยิปซีค่ะ สิ่งที่พาเราไปตรงจุดนี้เพราะว่าเราเจอบ่อยเราก็เลยไปหาพี่บี ซึ่งเขาก็เป็นหมอดูนะคะ เขาก็คุยกับพลังงานที่ไปเราด้วย ซึ่งตอนแรกที่ไปคือ พลังงานที่อยู่กับเราคือ พลังงานที่ไม่ค่อยดีพี่บี เขาก็เลยเคลียร์พลังงานนั้นให้เราว่ามาตามเราทำไมแล้วต้องการอะไร ซึ่งพลังงานนั้นบอกว่า หนิม เคยเป็นน้องสาวเขาในอดีตชาติแล้วเพิ่งมาเจอแล้วเขาก็อยากไปเกิดแล้วแต่ไม่มีใครส่งบุญให้เขามันเลยไปไม่ได้ แต่พอเขามาเจอเราแล้วเป้นน้องสาวเขาก็เลยขอเข้ามาส่วนบุญกับเรา ช่วงนี้คือ เราไม่ค่อยรู้สึกแล้วคิดว่าเขาน่าจะไปแล้ว แล้วการเป็นหมอดูของ หนิม เป็นแบบไหนระดับไหน หนิม คะนึงพิมพ์ : เพิ่งเริ่มต้นเองค่ะ ก็เลยดูแค่ในเพื่อนๆของเรา ซึ่งเราก็เริ่มต้นจากพี่บี เพราะว่าเขาเปิดสอนด้วย แล้วเขาก็บอกเราว่าเรามีสัมผัสตรงนี้น่าจะเจอกับพวกเขาบ่อย เขาก็ให้เราเรียนแล้วก็เอาไว้คุยกับเขาเอง กลัวไหมว่าคนจะมองว่าเรางมงายไหม หนิม คะนึงพิมพ์ : ถ้าเป็นเรื่องไพ่เราจะไม่ได้ไปดูให้ใคร คือ เราจะดูเพื่อคุยกับดวงจิตที่อยู่รอบๆตัวเรา เพราะเราคุยกับเขาผ่านไพ่ อย่างไพ่ทาโร่ คือ เราก็ดูเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ตอนนี้เป้นยังไง สะท้อนเหตุการณ์ให้เราเห็นแต่ไม่ได้ชี้นำว่าเราจะต้องเลือกอะไร หรือ ทำอะไร เพราะเขารู้ว่าตัวตัดสินใจได้เองอยู่แล้ว แต่เห็นว่า หนิม เคยเปิดที่จะรับดูดวงแต่ไปๆมาๆคือ จะมาดูแม่หมอ หนิม คะนึงพิมพ์ : ใช่ค่ะ (หัวเราะ) จะมาจีบเลย เราก็เลยบอกว่าไม่ดีกว่า และเราก็มีเขียนคอนเทนท์ของให้ IG เป็นรายสัปดาห์บ้างยังไงก็ฝากติดตามทาง เฟสบุ๊ค หนิง คนึงพิมพ์ ด้วยนะคะ สามารถชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ทาง ยูทูป : https://youtu.be/yWfj39NmehY