“ศุภชัย”ซัด “ศบค.”ต้องพูดปมซื้อวัคซีนให้ชัด หยุดปล่อย”เสี่ยหนู”เป็นแพะรับบาป ป้อง โดนด่า แต่ ไม่ท้อ ไม่ถอย
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟสบุ๊กว่า “อนุทิน”กับการจัดหาวัคซีน แพะรับบาปของ ศบค.วันนี้มีข่าวออกมาว่า”"อนุทิน" ชง "ศบค." เคาะ จำกัดส่งออก แอสตร้าเซนเนก้า ไปต่างปท. หวังได้10ล้านโดส ฉีดให้คนไทยก่อน สัปดาห์หน้าคุยทุกบริษัท จัดหาวัคซีน mRNA ด้าน โมเดอร์นาตอบรับแล้ว พร้อมสั่งซื้อไฟเซอร์อีก50ล้านโดส”ซึ่งข่าวนี้คงได้แพร่หลายไปแล้ว
“ช่วงที่ผ่านมาผมพยายามอยู่อย่างสงบนิ่งแม้เห็นความไม่ชอบมาพากลความไม่ถูกต้องปรากฎออกมาให้เห็นเป็นข่าวคราวอยู่เสมอๆ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นนักการเมืองต้องสงบเสงี่ยมเจียมตน อยู่เฉยๆไม่พูดอะไรคนก็เกลียดทั้งๆที่นักการเมืองส่วนใหญ่ในเวลานี้ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชนอยู่กับประชาชนทั่วประเทศในเวลานี้ แต่พอมีข่าวนี้ออกมาผมคิดว่าผมจำเป็นต้องออกมาพูด เป็นความจริงที่ต้องพูดเพื่อปกป้องคนทำงาน คนทำงานที่ชื่อ”อนุทิน ชาญวีรกูล”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นคนไม่ดี คนไร้ประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการจัดหาวัคซีน เป็นคนที่ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงสำคัญที่ว่า”อนุทิน ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดหาวัคซีน”มาตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 “
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ถามว่าทำไม? คำตอบคือในวันที่ 9 เมษายน 2564 นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งที่ 5/2564”เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(โควิด 19)” มี อ.ปิยะสกล เป็นประธาน ซึ่งผมเคยเสนอเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว การกำหนดวัคซีนหลัก วัคซีนทางเลือก มาจาก กก.ที่ อ.ปิยะสกล เป็นประธาน มีเจ้าของรพ.เอกชน เป็นกก. เบอร์9-16 เป็น เจ้าของรพ.เอกชน อ.ปิยะสกล คือ อดีตรมว.สธ. ที่มีอำนาจเหนือ รมว.สธ.ชื่ออนุทิน ในการจัดการทั้งปวงเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน หน้าที่และอำนาจ ข้อ 1 คือ เสนอแนวทาง มาตรการจัดหาวัคซีน มาใช้ทั้งในสถานพยาบาลของรัฐ และ เอกชนของรัฐ ก็คือ วัคซีนหลัก ของเอกชนก็คือ วันซีนทางเลือก ข้อ 2 พิจารณาจัดหาวัคซีน และข้อ 3 ดำเนินการตามนายกรัฐมนตรี มอบหมาย
“แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประชาชนไม่เคยทราบว่าคณะทำงานชุดนี้ทำอะไรบ้าง? นอกจากมีข่าวของหมอบุญ ว่าเป็นกรรมการ มีหน้าที่ กำหนดตัวไหนทางหลัก ทางเลือก ? และที่ทราบคือการวางมาตรการจัดซื้อ จัดหา จำหน่าย อย่างไรเจ้าของรพ.เอกชน เป็นทั้งผู้กำหนดนโยบาย ผู้กำหนดแนวทางซื้อ และ ขาย ซึ่ง
นี่มันผลประโยชน์ทับซ้อน เห็นๆ? นี่คือศบค. ได้มองเห็นหรือไม่? และนี่คือเหตุที่มีการใช้สื่อตีวัคซีนของรัฐบาล ให้คนรอโมเดอนา ที่รพ.เอกชน ซื้อผ่าน อภ.มาทำธุรกิจ ?”
นายศุภชัย ระบุต่อไปว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ประกาศจัดหาวัคซีนให้ได้ 100-150 ล้านโดส ในปี 2564 คณะทำงานชุดนี้ ได้สนองนโยบายและคำสั่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่? แต่ที่แน่ๆ คือ ในคณะทำงานชุดนี้ ไม่มี รมว.สาธารณสุข และมี ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เพียง 5คน จากทั้งหมด 18 คน และถ้าได้อ่านคำสั่งนี้กี่ครั้งๆก็ไม่พบว่า”อนุทิน”รมว.สธ. มีชื่ออยู่ในนี้และชัดเจนว่า คนจัดการวัคซีน คือ อ. ปิยะสกล กับ เจ้าของรพ.เอกชน ซึ่งผมคิดว่าท่านควรจะออกมาบอกให้ประชาชนได้รับรู้ว่าท่านได้ทำอะไรไปบ้าง และ ศบค.ก็ต้องออกมาบอกประชาชนว่าความจริงเป็นเช่นไร ไม่ใช่ปล่อยให้”อนุทิน”เป็นแพะรับบาป
“ไม่ว่าอย่างไร จนถึงวันนี้คน สธ. ก็พร้อมรับปฏิบัติ ทั้งๆที่ไม่อยากทำ เพราะนี่คือ การเอาเปรียบรัฐ เอาเปรียบประชาชน หากินกับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนและเสียขวัญ”อนุทิน”วันนี้ กลืนเลือด ไม่ท้อ ไม่ถอย
ยอมให้ด่าทุกเรื่อง แต่อดทน เพราะอาสามาทำงานเพื่อประชาชน เป็นหัวหน้าพรรคที่บอกลูกพรรคที่ห่วงใยว่ากลับไปหาประชาชน ไม่ต้องห่วงผม และยังออกมาดำเนินการเรื่องวัคซีนตามข่าวนั้นทั้งๆที่ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งนั้นก็ตาม เพราะทนเห็นความทุกข์ยากของประชาชนไม่ได้ ถ้าจำกันได้ตอนคำสั่งฉบับนี้ออกมา มีคนสะใจมากที่รมว.สธ.โดนยึดอำนาจ แต่คนกลุ่มนี้เองที่บิดเบือนความจริงกล่าวหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่าล้มเหลวการจัดหาวัคซีน และสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน จิตใจพวกคุณทำด้วยอะไรถึงกระทำการอันเลวร้ายเช่นนี้? แทนที่เราจะร่วมกันช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน เพื่อประเทศของเรา แต่กลับมีคนแบบนี้อยู่ จึงขอได้โปรดยุติการการกระทำเลวร้ายแบบนี้เสียเถิด”