วันที่ 18 ก.ค. 64 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Watana Muangsook" ระบุว่า... ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มีดังต่อไปนี้ (1) กรณีเกิดการแพร่ระบาดของโควิดตั้งแต่แรกจนปัจจุบัน จนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตลอดเวลาล่าสุดสูงถึง 10,082 คนต่อวัน เสียชีวิตเพิ่มถึง 141 คน อยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2563 ส่วนที่เกิดการแพร่ระบาดของสายพันธุ์อินเดียเกิดจากการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง (2) การจัดซื้อวัคซีนเพื่อฉีดให้กับประชาชนเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ตามมาตรา 10 (2) แห่งพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย แต่ต่อมานายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งรวบอำนาจดังกล่าวไปเป็นของตนเอง ดังนั้น หากจะถามว่าเหตุใดจึงสั่งซื้อช้า หรือทำไมยังสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคไม่ซื้อยี่ห้ออื่นมาฉีดให้ประชาชนบ้างก็ต้องไปถามคณะกรรมการชุดนี้ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน (3) การจัดซื้อวัคซีนให้สถานพยาบาลและวัคซีนทางเลือกเพื่อใช้ในโรงพยาบาลเอกชน เช่น วัคซีนโมเดอนาที่โรงพยาบาลเอกชนซื้อจากองค์การอนามัยไปในราคาโดสละ 1,100 บาท แต่คิดค่าฉีดจากประชาชนถึงโดสละ 1,700 บาท เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาธร เป็นประธาน ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2564 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ดังนั้น ถ้าจะถามว่าทำไมปล่อยให้โรงพยาบาลเอกชนขูดเลือดประชาชนเอากำไรสูงถึงเกินกว่า 50% ในสถานการณ์ที่ประชาชนทุกข์ยากก็ต้องไปถามนายกรัฐมนตรีว่า เหตุใดจึงแต่งตั้งตัวแทนจากโรงพยาบาลเอกชนมาเป็นกรรมการหลายคนทั้งที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน (4) การที่ระบบสาธารณสุขล่มเตียงไม่พอให้บริการผู้ป่วยถือเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่มีหน้าที่ควบคุมการแพร่ระบาดแต่ไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเป็นปลายน้ำเพราะรับผิดชอบการรักษาผู้ป่วยที่ต้นทางปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดจนล้นระบบ (5) การควบคุมการแพร่ระบาดรวมถึงการรักษาพยาบาลผู้ป่วยใน กทม. เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 6/2564 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สำหรับโรงพยาบาลใน กทม. ที่เป็นของกระทรวงสาธารณสุขมีเพียง 2 โรงคือ ราชวิถีและนพรัตน์ราชธานี ที่เหลือเป็นของ กทม. ที่มีสำนักอนามัย กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬา ศิริราช รามา หรือมหิดล ส่วนที่เป็นของทหาร เช่น โรงพยาบาลพระมงกุฏ โรงพยาบาลภูมิพล เป็นต้น ผมอ้างคำสั่งและการแต่งตั้งมาเป็นหลักฐาน เพื่อให้บรรดามัคคุเทศก์ทั้งหลายนำลูกทัวร์ไปลงให้ถูกคน เห็นช่วงนี้ทัวร์ไปลงที่กระทรวงสาธารณสุขบ่อยมากทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะถูกนายกรัฐมนตรีรวบอำนาจไปไว้ที่ตัวเองหรือแต่งตั้งให้ผู้อื่นเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น แต่คนเหล่านี้กลับไม่กล้าออกมารับผิดชอบกับประชาชน