ซ่อมไม่ไหว รถบรรทุกแบกน้ำหนักเกินจนแผ่นดินสะเทือนทำถนนพังถี่ยิบ ชาวบ้านร้องยามค่ำคืนนอนในบ้านสั่นไหว อบจ.ฉะเชิงเทรา ขอกำลัง จนท. ตร.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตั้งจุดตรวจสอบพบมีจริง ผู้ประกอบการขนดินเลนบรรทุกน้ำหนักมากถึง 90 ตันเกินกว่าพิกัดถนนจะรองรับได้แค่เพียง 21 ตัน หลัง จนท.ทำการจับกุมยังหัวหมอโชเฟอร์ไม่ยินยอมขึ้นขับรถไปยังด่านชั่งเพื่อสอบทานน้ำหนักประกอบสำนวนคดี
วันที่ 17 ก.ค.64 เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากกองช่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา (อบจ.) นำโดยนายสุรัตน์ชัย กาญจนกันติกุล พร้อมด้วยเจ้าหน้าตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) นำโดย พ.ต.ต.อานนท์ เพชรพระเนาว์ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้นำกำลังจำนวนกว่า 10 นาย ทำการตั้งด่านตรวจสอบเพื่อทำการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินบนถนน ฉช.3014 (สาย รพช.เดิม) เส้นทางบ้านหนามแดง-บ้านคลองประเวศบุรีรมย์
ซึ่งเป็นเส้นทางลัดจากตลาดปองพลไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ และเชื่อมสู่ถนนบางนา-ตราดได้ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกินเข้ามาใช้เส้นทาง เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบน้ำหนักบนถนนสายหลักอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจนทำให้บ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งอยู่ริมถนนตามรายทางสั่นไหวเวลารถบรรทุกเหล่านี้ขับผ่านจนไม่สามารถหลับนอนได้
หลังการตั้งด่านตรวจสอบได้เพียง 1 ชม. พบว่ามีรถบรรทุกดินแบบพ่วง 22 ล้อ หมายเลขทะเบียนหัวลาก 83-7202 นนทบุรี หางพ่วงทะเบียน 83-7203 นนทบุรี ซึ่งบรรทุกดินมาจากในพื้นที่ ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ขับเข้ามาจากถนนสุวินทวงศ์ (304) ไปยังถนนสายฉะเชิงเทรา-อ่อนนุช (ทางหลวงชนบท ฉช-3001) มุ่งหน้าไปยัง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขับผ่านเข้ามาในเส้นทางจริง เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. จึงได้เรียกจอดเพื่อทำการตรวจสอบและนำไปชั่งน้ำหนักยังจุดชั่งน้ำหนักของเอกชน ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
พบว่ารถคันดังกล่าวมีน้ำหนักบรรทุกมาทั้งคันมากถึง 90 ตัน ขณะที่บนถนนได้มีการติดป้ายควบคุมห้ามรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่า 21 ตันเท่านั้นขับผ่าน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะทำการควบคุมตัวคนขับ และทำการบันทึกการจับกุมและตรวจยึดรถไว้ตามกฎหมาย และจะนำพาไปทำการเข้าชั่งน้ำหนักกับทางหน่วยงานของแขวงการทางฉะเชิงเทรา เพื่อใช้ประกอบสำนวนดำเนินคดี
แต่คนขับรถกลับไม่ยินยอมที่จะขับรถไปยังที่ด่านชั่งน้ำหนักของทางราชการ อีกทั้งยังมีความพยายามที่จะดื้อดึงไม่ยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังมีบุคคลที่พยายามจะโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพูดคุยเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ และได้สั่งห้ามนายอานนท์ อุ่นใจ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.2 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี คนขับไม่ให้ขับรถหรือทำตามคำสั่งของทางเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลาด้วย
โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานถึงเกือบ 3 ชม. ในการเจรจาเกลี้ยกล่อมคนขับรถบรรทุกเพื่อให้ยินยอมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เพื่อนำรถไปเข้าชั่งตรวจสอบน้ำหนักยังที่ด่านชั่งน้ำหนักของทางราชการ ซึ่งเป็นจุดสอบวัดน้ำหนักของแขวงการทางฉะเชิงเทรา ก่อนที่คนขับจะยินยอมปฏิบัติตามในที่สุด
ขณะที่ นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเดินทางมายังในจุดสกัด ด่านตรวจสอบน้ำหนักตามคำร้องเรียนของชาวบ้านในพื้นที่ทันที กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่า มีผู้ประกอบการขนส่งบรรทุกน้ำหนักเกิน เข้ามาใช้เส้นทางอยู่เป็นประจำตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะเวลากลางคืนขณะที่รถบรรทุกน้ำหนักเกินเหล่านี้ขับผ่านมา จะทำให้พื้นดินบริเวณตามรายทางสั่นไหว สะเทือนไปจนถึงตัวบ้านเรือนของประชาชน
เนื่องจากดินในบริเวณนี้ใต้พื้นล่างเป็นดินเลน จึงทำให้ถนนพังเสียหายบ่อยครั้ง โดยที่ทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้ทำการอนุมัติเงินงบประมาณในการซ่อมแซมปูพื้นถนนสายนี้ใหม่อยู่เป็นประจำ หลังจากได้รับการถ่ายโอนมาจากหน่วยงานทางหลวงชนบท (รพช.) เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน มาอยู่ในความรับผิดชอบเป็นถนนสาย ฉช.ถ 1-0002 แต่หลังจากการซ่อมแซมแล้วเสร็จไปได้ไม่นาน ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ถนนสายนี้จะกลับมาพังเสียหายซ้ำอีกอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งล่าสุดทาง อบจ.เพิ่งทำการอนุมัติเงินงบประมาณมาซ่อมแซมถนนสายนี้จำนวน 64.5 ล้านบาท และทำการก่อสร้างแล้วเสร็จไปเมื่อกลางปี 2563 และยังอยู่ในระหว่างการประกันสัญญาที่จะสิ้นสุดลงในเดือน พ.ค.2565 แต่เมื่อทำการซ่อมแซมลาดยางถนนสายนี้แล้วเสร็จ กลับมีรถบรรทุกน้ำหนักเกินแอบลักลอบเข้ามาวิ่งผ่านเส้นทางอยู่เป็นประจำ จนมีชาวบ้านร้องเรียนมาดังกล่าว
เนื่องจากรถบรรทุกเหล่านี้ทั้งมีการบรรทุกน้ำหนักเกินและใช้ความเร็วค่อนข้างสูง จึงทำให้บ้านเรือนของประชาชนสั่นไหว สะเทือนอย่างรุนแรงในเวลาหลับนอน ก่อนที่จะประสานงานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก. กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา มาทำการตั้งด่านจับกุมผู้ประกอบบรรทุกน้ำหนักเกิน ที่แอบลักลอบเข้ามาใช้เส้นทางในครั้งนี้ นายกิตติ กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการตั้งด่านจับกุมรถบรรทุกของทางเจ้าหน้าที่บนเส้นทางสายนี้ กลับไม่มีรถบรรทุกน้ำหนักเกินขับผ่านเส้นทางเข้ามาอีกเลยจนเกือบตลอดทั้งคืน ทั้งที่ปกติจะมีรถเหล่านี้ขับผ่านเส้นทางเข้ามาอยู่เป็นประจำ จนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และมีการ้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดังกล่าว