ความจริงที่เจ็บปวดใจ ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ แนะปชช.ลดเสพข่าวสารสะเทือนใจ พร้อมขอสื่อลดข่าวดราม่าหดหู่ใจ ให้เน้นกระตุ้นภาครัฐจะสามารถทำอะไรได้อีกหรือไม่
เพจ “ใกล้มิตรชิดหมอ” ซึ่งจัดตั้งโดยทีมเเพทย์สูติ มีจุดเริ่มต้นจากแพทย์กลุ่มเล็กๆ ที่อยากนำความรู้ทางการแพทย์มาเผยแพร่ใน social network ให้ผู้สนใจได้มีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้อง โดยพยายามรวบรวมข้อมูลที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์มาสรุปในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันมีเยอะมาก โดยเฉพาะใน social network แต่มีทั้งเรื่องจริง ความเชื่อ และการโฆษณา การเสพข้อมูลจึงจำเป็นต้องใช้การคิดวิเคราะห์และวิจารณญานในการแปลข้อมูล หวังว่าข้อมูลของเพจจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านในการดูแลสุขภาพทั้งของตัวเอง, ครอบครัวและคนที่คุณรักได้ไม่มากก็น้อย โดยล่าสุดวันที่ 17 ก.ค.64 ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ "เราคงต้องยอมรับกันด้วยใจที่เจ็บปวดว่า ประเทศไทยได้เดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว
จุดวิกฤติ ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ จะด้วยการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ความล่าช้าชะล่าใจในการติดต่อประสานงานนำเข้าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังสามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ดีเป็นเวลานานเกือบปี ความมั่นใจเกินไปว่า “เอาอยู่”
หรือความฉ้อฉลใดๆ ก็ตามในระบบที่เกิดขึ้นระหว่างทาง
แต่เรามาถึงจุดนี้กันแล้ว
ยังมองไม่ออกว่าถ้าเรายังไม่ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพเอาแค่เพียงพอที่จะควบคุมการติดเชื้อได้บ้าง ไม่ต้องถึงขนาดเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด เพื่อปูพรมการฉีดอย่างเร่งด่วน เราจะออกจากหลุมนรกนี้กันอย่างไร
การล็อคดาวน์เพื่อทำลายเศรษฐกิจที่แทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้วสำหรับประชาชนคนทำมาหากิน แต่ไม่มีแผนรองรับว่าจะแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ก็คงจะวนลูปเดิมๆ
เราจะเห็นคนตายวันละ 100,200,300 ไปกันอีก 3-4 เดือน
เศรษฐกิจถูกปิดต่อไป
คนตายอีกมากด้วยความยากจนข้นแค้น ระบบสาธารณสุขพังทลาย
สิ่งที่ประชาชนคนทั่วไปทำได้ คือการระมัดระวังตัวเองถึงที่สุดหมอเชื่อว่าคนส่วนใหญ่พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว ด้วยข้อจำกัดมากมาย เราดูแลตัวเองที่สุดแล้ว มาเกือบ 2 ปี
อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากเอาไว้สำหรับทุกคนที่เป็นแฟนเพจ คงบอกได้แค่ว่า นอกจากดูแลสุขภาพกายตัวเองอย่างถึงที่สุด
สิ่งที่ต้องทำคือ ปกป้องสภาพจิตใจตัวเองด้วย ทุกวันนี้ ด้วยความที่สถานการณ์มันแย่จริงๆ เราก็จะเปิดทีวีดูข่าว ที่นำเสนอภาพความหดหู่ของคนป่วยที่ไม่มีที่รักษา คนตายมากมายที่ตายคาบ้าน ต่อให้จิตแข็งขนาดไหน ได้รับข้อมูลเหล่านี้กระแทกซ้ำๆ ก็จิตตกอ่อนยวบ
พยายามรับข่าวสารเท่าที่จำเป็นครับ เพื่อดูแลจิตใจตัวเอง
รับข่าวสารในรูปแบบการอ่านข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง
ลดสิ่งกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่จะทำให้หดหู่ สิ้นหวัง (ถึงมันจะดูไม่ค่อยมีหวังจริงๆก็ตาม)
นี่ไม่ใช่การมองข้ามปัญหา หรือละเว้นไม่มองเห็น
แต่ควรต้องปกป้องดูแลสภาพจิตใจของตัวเองกันด้วย
และถ้าโพสต์นี้จะไปถึงสื่อต่างๆบ้าง หมอแนะนำว่า เพลาๆ การเสนอข่าวที่เน้นดราม่าลงบ้าง ประเภทที่ว่าทุกคนติดเชื้อตายอยู่ในบ้านแล้วมีคนเฝ้าศพ สะเทือนใจ อะไรพวกนี้ เพลาๆลงหน่อย แล้วเน้นการนำเสนอข้อมูลแท้ๆ กันให้มากขึ้น ข้อมูลที่จะไปกระตุ้นถามผู้มีอำนาจว่า “ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆใช่ไหม” ทำหน้าที่ของสื่อที่ดีครับ
ช่วยกันดูแลจิตใจของคนที่เหลืออยู่กันบ้าง
ก็จะขอบคุณมากครับ
บุญรักษา อาจต้องกล่าวคำนี้ เพราะหมอพยาบาลรักษากันไม่ไหวแล้ว
Admin Dr. Jame"