ท่ามกลางการรอวัคซีน การรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และการรอเตียงด้วยความหวัง สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นที่พึ่งของคนไทยในเวลานี้เพื่อสู้กับโควิดคือ ฟ้าทะลายโจร และกระชาย โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีเรื่องราวของสรรพคุณฟ้าทะลายโจรจากงานวิจัย โดยนพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กกล่าวถึงฟ้าทะลายโจรกับโควิด เนื่องด้วยเนื้อหาค่อนข้างจะยาวจึงขอสรุปตัดทอน (สามารถอ่านข้อความเต็มได้ที่เพจเฟซบุ๊ก นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์) โดยคุณหมอสันต์ระบุถึงการใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด-19 ว่ามีมากพอแล้ว ทั้งนี้ นพ.สันต์ได้ยกหลักฐานงานวิจัยที่สรุปการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19ในคนที่ได้สอดคล้องต้องกันว่าใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด 19 แล้วดีกว่าไม่ใช้ โดยว่าข้อมูลที่มีอยู่นี้เห็นว่า “มากพอแล้ว” ที่จะตัดสินใจใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด 19 ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอการตีพิมพ์ผลวิจัยให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเพราะความเร่งด่วนของสถานะการณ์ไม่เอื้อให้รอได้ อีกทั้งยังมีข้อมูลเชิงระบาดวิทยาเมื่อเกิดการระบาดของโควิดครั้งใหญ่ในเรือนจำเมื่อต้นปีนี้ ข้อมูลนี้แถลงโดยปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ ของกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมกรมราชทัณฑ์ว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อสะสมรวม 37,656 คน หายป่วยสะสม 35,472 ราย (94.2%) ตายสะสม 47 ราย (0.1%) ซึ่งเมื่อเปรียบกับข้อมูลระดับประเทศซึ่งมีอัตราตายสะสม 0.8% แล้วก็พบว่าในเรือนจำมีอัตราตายต่ำกว่าถึง 8 เท่า สรุปว่าหล้กฐานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ทั้งในระดับ cohort และ RCT ในคน และข้อมูลเชิงระบาดวิทยาตามที่ผมแสดงให้เห็นแล้วนี้เป็นหลักฐานที่มากพอแล้วที่จะใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด19 ได้ทันที แน่นอนว่าการวิจัยเพิ่มเติมยังจะต้องทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบคำถามอีกหลายประเด็นที่เรายังไม่ทราบ แต่การใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดควรทำไปก่อนทันทีโดยไม่ต้องรอผลวิจัยเพิ่มเติม สำหรับการใช้ฟ้าทะลายโจรควบคุมโรคโควิด 19 เนื่องจากฟ้าทะลายโจรหาง่าย ราคาถูก และจากงานวิจัยทั้งสามรายการข้างต้นพบว่ามีความปลอดภัยสูง ยิ่งใช้เร็วยิ่งได้ผลกำจัดโรคได้เด็ดขาด ในสถานการณ์ของประเทศจากนี้ไปอีกสองปีข้างหน้าซึ่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม (vaccine coverage) ยังจะไม่ถึงเป้า ในระหว่างนี้ผมแนะนำว่าควรใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นเครื่องมือหลักในการควบคุมโรคควบคู่ไปมาตรการค้นหาสอบสวนกักกันโรค โดยให้คนทุกคนที่เข้าข่ายสามกลุ่มต่อไปนี้กินฟ้าทะลายโจรในขนาดรักษาโควิด คือ 180 มก. (เทียบเท่าแคปซูลผงของอภัยภูเบศร์ 15 แคปซูล) ต่อวันทันที กินนาน 5 วัน ทั้งสามกลุ่มได้แก่ (1) ผู้ที่ไปสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิดมาไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอาการก็ตาม (2) ผู้ที่มีอาการเป็นหวัดหรือเป็นไข้แบบทั่วๆไปแม้จะไม่มีประวัติว่าได้สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิดมาก็ตาม (3) ผู้ที่ได้รับการตรวจพิสูจน์แล้วว่าติดเชื้อโรคโควิด 19 ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม ถ้าคนไทยทั้งสามกลุ่มนี้รีบกินฟ้าทะลายโจร 180 มก.ทุกวันนาน 5 วันทันทีทุกคน โรคโควิด19 ก็น่าจะหมดไปจากเมืองไทยอย่างรวดเร็ว การใช้ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด19 ในระดับประเทศ การระดมให้คนทั่วไปที่ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อและไม่มีอาการอะไรเลยกินฟ้าทะลายโจรในขนาด 180 มก. ต่อวันนาน 5 วันเพื่อกำจัดโรคนั้นผมมีความเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นยาฆ่าไวรัส การกินยาฆ่าไวรัสเมื่อยังไม่มีไวรัสอยู่ในตัวย่อมได้ประโยชน์น้อย อีกทั้งการระบาดของโรคนี้ในประเทศไทยยังเพิ่งอยู่ในระยะเป็นหย่อมๆ (clusters of cases) ไม่ใช่ระยะการระบาดในชุมชน (community spreading) เราเพิ่งมีผู้ป่วยเป็นโรคแล้วเพียงไม่ถึง 1% ของประชากรไทยทั้งหมด การให้คนอีก 99% ซึ่งไม่มีไวรัสอยู่ในตัวกินฟ้าทะลายโจรแบบปูพรมพร้อมกันคราวเดียวเพื่อทำลายเชื้อให้หมดประเทศจะต้องใช้ยาจำนวนมหาศาล ทำได้ยาก ไม่คุ้มลงทุน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อยากกินฟ้าทะลายโจรในเชิงป้องกันโรคเป็นการส่วนตัวโดยไม่เกี่ยวกับคนอื่น คือชอบกินยา หรือกินรักษาโรคประสาทก็แล้วแต่ ผมแนะนำให้กินเลียนแบบงานวิจัยที่ทำโดยสถาบันสมุนไพรสวีเดน (Swedish Herbal Institute) ซึ่งเขาเอาฟ้าทะลายโจรให้คนกินป้องกันการเป็นหวัด ในขนาด 11.2 มก. (เทียบเท่าแคปซูลผงบดอภัยภูเบศร์ 1 แคปซูล) ต่อวันกินติดต่อกันห้าวันสลับกับหยุดกินสองวัน กินอย่างนี้เรื่อยไปจนครบสามเดือน พบว่าป้องกันการเป็นหวัดได้หนึ่งเท่าตัว คือกลุ่มที่กินยาหลอกเป็นหวัด 62% กลุ่มที่กินฟ้าทะลายโจรเป็นหวัด 30% โดยไม่มีอาการไม่พึงประสงค์จากยาระดับรุนแรงเกิดขึ้นเลย วิธีกินแบบนี้ปลอดภัย แต่จะป้องกันโควิดได้หรือไม่ไม่รู้นะครับ อันนั้นตัวใครตัวมัน