ผู้ข่าวรายงานว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.วาระพิเศษที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธานนั้น ในที่ประชุม มีความเป็นห่วงจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันที่ยังมีจำนวนสูงติดต่อกัน ซึ่งพบว่ามีคนฝ่าฝืนมาตรการ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในชุมชน ซึ่งนายกฯ ขอให้คณะแพทย์และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาร่วมกันจะล็อกอย่างไร เพราะยังมีการเคลื่อนย้ายกันอยู่ รวมถึงทีมแพทย์ในศบค.เป็นห่วงว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นหลักหมื่นจะเอาไม่อยู่ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ ต้องควบคุมพื้นที่ให้เบ็ดเสร็จ
โดยนายกฯ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานประสานกันอย่างเต็มที่ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยและผู้เกี่ยวข้อง โดยเน้นให้สำนักงานหลักกประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ตรวจคัดกรองเชิงรุก พร้อมกล่าวว่า ตนเข้าใจสถานการณ์ดีและเข้าใจทุกคน แต่ขอให้ใจเย็นๆกันหน่อย ขอให้ฟังหมอ การสื่อสารขอให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้เป็นหน้าที่หมอและศบค.เป็นคนให้ข่าว ไม่อยากให้หมอข้างนอกออกมาพูด เพราะจะทำให้ประชาชนสับสนได้
สำหรับการบริหารจัดหาวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ถึงวันที่ 31 ส.ค.จะพยายามหาให้ได้ 13 ล้านโดส โดยเป็นซิโนแวค และแอสตราเซเนกา โดยจำนวนวัคซีนที่จัดสรรจริงอาจปรับเปลี่ยนตามปริมาณวัคซีนที่ประเทศไทยจัดหาได้ ส่วนไฟเซอร์จะมีเข้ามา 20 ล้านโดส โดยจะมีบริจาคมาให้ 1.5 ล้านโดส เพิ่งจะมาถึงประเทศไทยเร็วๆนี้ ส่วนวัคซีนโมเดอร์น่าทางสภากาชาดไทย สั่งมา 1 ล้านโดส โดยจะแจกฟรีให้กับอบจ.ทั่วประเทศเพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชน