รวบแล้ว “ประสิทธิ์” มือฆ่าเจ้าของร้านขายชองชำขอนแก่น ขณะกินยาฆ่าตัวตายที่ จ.ตาก พร้อมพวกอีก 5 คน เหตุฆ่าชิงทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้และเอี่ยวขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติ พร้อมค้านประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนทั้งหมด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ก.ค.2564 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (ภ.จว.ขอนแก่น) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบต.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 และ พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.จว.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายประสิทธ์ จาลา หรือสมชาย อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.8 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหารายสำคัญที่ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์นางกันนิกา จำปา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/1 ม.11 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขณะพยายามกินยาฆ่าตัวตายภายในบ้านพักในเขต อ.เมือง จ.ตาก ซึ่งขณะนี้ได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตาก ท่ามกลางการดูแลของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างใกล้ชิดเนื่องจากผู้ต้องหาอาจจะคิดสั้นได้ รวมไปถึงการจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการได้อีก 5 ราย ประกอบด้วยนายทศพร แทนประเสริฐ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237 ม.12 ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว,นายศุกล หนุนสุขศุภโชค อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/7 ถ.กม.5 ฝั่งซ้าย ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว,นายพนม อุ่นผาง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.4 ต.เหล่า อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม,นายวรวิทย์ ชูแก้ว อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ซ.21 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ และนายศราวุธ คิ้วสูงเนิน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 322/2 ม.8 ต.โค้งยาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ทั้งหมดถูกควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บก.สส.ภ.4 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นชุดสืบสวนร่วม บช.ภ.4,บช.ภ.2 และ กองปราบปราม ได้ประสานข้อมูลการทำงานโดยหลังจากที่มีผู้มาพบศพผู้เสียชีวิต ภายในป่าเขตพื้นที่ บ.เหล่า ต.บ้านเหล่า อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ชุดสืบสวนจึงแกะรอยเริ่มจากทรัพย์สินของผู้ตายที่หายไปตามคำให้การของครอบครัวคือเงินสดประมาณ 100,000 บาท รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนท์ หมายเลขทะเบียน ผจ-4512 นครปฐม และโทรศัพท์มือถือ จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยพบว่า รถยนต์กระบะของผู้ตายนั้นได้วิ่งเข้ามาภายในซอยศรีจันทร์ 39 ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านของนายประสิทธิ์ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าสมชาย จากนั้นพบรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งขับผ่านด่านตรวจนาโน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแกน เมื่อวันที่ 10 ก.ค.โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดของจุดตรวจสามารถบันทึกภาพได้อย่างชัดเจนชุดสืบสวนจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด โดยพบว่ารถคันดังกล่าวหลังจากที่ผู้ตายขับเข้ามาภายในซอยศรีจันทร์ 39 ในวันที่ 9 ก.ค. แล้วนั้น จากนั้นก็มาพบอีกครั้งในจุดใกล้กับพบศพผู้ตาย และในช่วงเย็นวันเดียวกันนายประสิทธิ์จึงได้ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาที่ร้านแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองขอนแก่น ก่อนที่นายพนม จะมาขับรถคันดังกล่าวไปจอดไว้ที่บริษัทฯอีกแห่งหนึ่ง จนกระทั่งวันที่ 11 ก.ค. นายพนม จึงได้พานายศราวุธ,นายวรวิทย์และนายทศพร มาดูรถและขับรถออกจากบริษัทฯแห่งหนี้ก่อนที่จะไปจอดรถเติมน้ำมันที่ อ.บ้านไผ่ และ ขับผ่านจุดตรวจนาโน ซึ่งล่าสุดพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวนี้นั้นได้ถูกส่งมอบให้กับนายเพียบ ชาว กัมพูชา ที่ จ.สระแก้ว เพื่อส่งขายในต่างประเทศตามแนวทางการสืบสวนที่พบว่ากลุ่มดังกล่าวนี้นั้นจัดอยู่ในแกงค์โจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติราใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก “ นายประสิทธิ์ หลังก่อเหตุและส่งมอบรถให้กับนายพนมแล้วนั้น ได้หลบหนีไปที่บ้านภรรยาเก่า ซึ่งเปิดร้านขายข้าวมันไก่ที่ อ.เมือง จ.ตาก ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวนได้แกะรอยและเฝ้าติดตามพฤติกรรมและสามารถจับกุมตัวได้ขณะพยายามกินยาฆ่าตัวตายเมื่อเช้านี้ภายในบ้านพัก ทำให้ต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ยังคงไม่สามารถให้การใดๆได้ จึงยังไม่สามารถควบคุมตัวมาสอบสวนที่ จ.ขอนแก่นได้ ขณะที่มูลเหตุเชื่อว่าน่าจะเป็นการชิงทรัพย์ ที่นายประสิทธิ์ มีหนี้สินและเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ด้วยการสนิทมักคุ้นกับผู้ตาย จึงโทรศัพท์นัดกันให้มาพบในช่วงเช้าของวันที่ 9 ก.ค. ก่อนที่จะออกไปด้วยกันจนกระทั่งมีผู้มาพบศพผู้ตายถูกทิ้งไว้ที่ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น อย่างไรก็ตามตำรวจยังคงไม่ปักใจเชื่อว่าคนร้ายก่อเหตุฆาตกรรมเพียงคนเดียวแต่ขณะนี้เจ้าตัวยังไม่สามารถให้การใดๆได้ จึงต้องรอให้อาการดีขึ้นจึงจะควบคุมตัวมาสอบสวนว่าซัดทอดไปถึงใครและคนใดบ้าง ซึ่งหากสาวถึงใครตำรวจจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด” รอง ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า นายประสิทธิ์ และ นายพนม นั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน หลังจากที่นายประสิทธิ์ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์มาแล้วนั้น จึงมีการนำรถยนต์มาจอดทิ้งไว้และขายต่อให้กับกลุ่มขบวนการโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยที่นายพนม มีหน้าที่มารับรถที่ชิงทรัพย์มาได้ขายต่อเป็นทอดๆ จนกระทั่งถึงปลายทางคือที่ประเทศกัมพูชา ดังนั้นแนวทางการสืบสวนสอบสวนจึงแกะรอยมาจากผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จากากรนำรถไปขายต่อจนได้มีการสืบสนสอบสวนขยายผลได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามแม้ในขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่ถูกจับตัวได้ จะถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร แต่หากนายประสิทธิ์ ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีให้การได้และซัดทอดไปถึงใครก็จะดำเนินการตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น เพิ่มเติม รวมไปถึงการสืบสวนเส้นทางการเงินว่าเงินที่ได้จากการชิงทรัพย์นั้นโอนไปที่ใคร ทรัพย์สินที่ชิงทรัพย์ไปนั้นจำหน่ายหรือส่งต่อไปที่ใด ทั้งหมดจะต้องถูกจับกุมมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างไม่มีละเว้น ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านฝาง ได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดในชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว