สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หัวหน้าคณะวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก(WHO) ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ระบุว่าไม่ควรฉีดวัคซีน ไขว้ เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชน จากผู้ผลิตต่างกันด้วยตนเอง และการตัดสินใจดังกล่าวควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข
“มันเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างอันตรายเล็กน้อย" ดร.โสมยา สวามีนาธัน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ WHO ได้เอ่ยเตือนระหว่างการแถลงข่าวขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 หลังถูกถามเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้น "มันจะเกิดสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงในประเทศต่างๆ หากพลเมืองเริ่มตัดสินใจเองว่าเมื่อไหร่และใครควรรับวัคซีนเข็มที่ 2 เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4"
ในตอนแถลงข่าวสวามีนาธัน เรียกการฉีดวัคซีนสลับชนิดว่า "เป็นขอบเขตที่ปราศจากข้อมูล" แต่เขียนบนทวิตเตอร์ชี้แแจงความเห็นของเธอในเวลาต่อมา
"บุคคลใดๆไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเอง หน่วยงานสาธารณสุขสามารถทำได้ บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่" เธอระบุบนทวิตเตอร์ "ยังต้องรอข้อมูลการศึกษาวัคซีนสลับชนิดของวัคซีนต่างยี่ห้อ จำเป็นต้องประเมินความสามารถในการกระตุ้นสร้างแอนติบอดีและความปลอดภัย"
คณะผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษายุทธศาสตร์ด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก เคยแนะนำในเดือนมิถุนายน ว่าวัคซีนของไฟเซอร์ อิงค์ ควรถูกใช้เป็นวัคซีนเข็มที่ 2 หลังเข็มแรกฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า หากว่าวัคซีนอย่างหลังไม่สามารถหาได้
การทดลองทางคลินิกที่นำโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดในสหราชอาณาจักร อยู่ระหว่างการตรวจสอบการฉีดวัคซีนสลับชนิดระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ และเมื่อเร็วๆนี้การทดลองได้ขยายขอบเขตครอบคลุมถึงวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์และโนวาแว็กซ์ ด้วยเช่นกัน