เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ.,สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ ,พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ,รอง ผกก.สายตรวจ และ พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1 นำกำลังจับกุมนายเพิ่มพล หรือต้อง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี นายพิทักษ์ หรือเอก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี พร้อมด้วยของกลางกัญชาอัดแท่ง 300 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ2 เครื่อง รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน 2 กถ 717 กรุงเทพรถแท็กซี่ สีชมพู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส หมายเลขทะเบียน ทส 7531 กรุงเทพ
โดยจับกุมได้ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนพุทธมณฑล สาย 4 (ทวีวัฒนาปิโตรเลียม) ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ต่อเนื่องลานจอดรถชั้น 1D ของห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ถ.ลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชาอัดแท่ง) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชาอัดแท่ง) โดยผิดกฎหมาย”
พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น,เร่งรัดขับเคลื่อนการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง จีงสั่งให้การดำเนินการสืบสวน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ.ทราบว่า มีการลักลอบลำเลียงกัญชาเข้ามาในกรุงเทพ จึงสั่งการให้สืบสวนจนพบข้อมูลว่ามีนายเอก ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ทำหน้าที่ติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้ผู้ค้ารายย่อย ส่วนนายต้อง มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงและจำหน่ายยาเสพติดให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ กทม.โดยมักจะนัดลูกค้าเพื่อเจรจาซื้อขายยาเสพติดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว จึงรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการจับกุม กระทั่งต่อมาทราบว่านายต้องจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ตำบลบางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม เข้ามา พื้นที่ พุทธมณฑลสาย 4 เพื่อกระจายให้กับนายเอก จึงได้วางกำลังและเฝ้าสังเกตุการณ์ตามในเส้นทาง จนพบรถกระบะคันดังกล่าว วิ่งอยู่บน ถ.เพชรเกษม มุ่งหน้าเข้า กทม. จึงได้ติดตามเพื่อทำการจับกุม เมื่อมาถึงภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนพุทธมณฑล สาย 4 (ทวีวัฒนาปิโตรเลียม) ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพรานจ.นครปฐม จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น ก็ พบ กัญชาอัดแท่งห่อ 300 กิโลกรัม วางอยู่บริเวณท้ายกระบะ ก่อนที่นายต้องจะซักทอดว่าจะนำกัญชาทั้งหมดส่งให้นายเอกที่ ลานจอดรถชั้น 1D ของห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว จึงได้นำกำลังไปจับกุมนายเอก ไว้ได้
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า กัญชาทั้งหมดรับมาจากนายบี ซึ่งเป็นผู้จ้างให้นายต้องขนยาเสพติด มาส่งให้นายเอก โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 75,000 บาท และนายเอกได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาทหากปล่อยกัญชาได้ทั้งหมด โดยเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งสองพึ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ และได้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ประมาณ 1 ปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชาอัดแท่ง) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชาอัดแท่ง) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัใพร้อมด้วยของกลางส่ง พนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น,เร่งรัดขับเคลื่อนการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง จีงสั่งให้การดำเนินการสืบสวน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ.ทราบว่า มีการลักลอบลำเลียงกัญชาเข้ามาในกรุงเทพ จึงสั่งการให้สืบสวนจนพบข้อมูลว่ามีนายเอก ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ทำหน้าที่ติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้ผู้ค้ารายย่อย ส่วนนายต้อง มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงและจำหน่ายยาเสพติดให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ กทม.โดยมักจะนัดลูกค้าเพื่อเจรจาซื้อขายยาเสพติดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว จึงรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการจับกุม กระทั่งต่อมาทราบว่านายต้องจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ตำบลบางแขม อ.เมือง จ.นครปฐม เข้ามา พื้นที่ พุทธมณฑลสาย 4 เพื่อกระจายให้กับนายเอก จึงได้วางกำลังและเฝ้าสังเกตุการณ์ตามในเส้นทาง จนพบรถกระบะคันดังกล่าว วิ่งอยู่บน ถ.เพชรเกษม มุ่งหน้าเข้า กทม. จึงได้ติดตามเพื่อทำการจับกุม เมื่อมาถึงภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนพุทธมณฑล สาย 4 (ทวีวัฒนาปิโตรเลียม) ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพรานจ.นครปฐม จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น ก็ พบ กัญชาอัดแท่งห่อ 300 กิโลกรัม วางอยู่บริเวณท้ายกระบะ ก่อนที่นายต้องจะซักทอดว่าจะนำกัญชาทั้งหมดส่งให้นายเอกที่ ลานจอดรถชั้น 1D ของห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว จึงได้นำกำลังไปจับกุมนายเอก ไว้ได้
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า กัญชาทั้งหมดรับมาจากนายบี ซึ่งเป็นผู้จ้างให้นายต้องขนยาเสพติด มาส่งให้นายเอก โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 75,000 บาท และนายเอกได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาทหากปล่อยกัญชาได้ทั้งหมด โดยเงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งทั้งสองพึ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ และได้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ประมาณ 1 ปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชาอัดแท่ง) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชาอัดแท่ง) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัใพร้อมด้วยของกลางส่ง พนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป