วันที่ 13 ก.ค. 64 เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า วันจันทร์ที่ 12 ก.ค.วันที่เก้าสิบสามของโรงพยาบาลสนามและวันที่สามสิบห้าของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์
ข่าวดีเช้าวันนี้คือเราได้ทีมแพทย์ chest med ทั้ง staff fellow และ resident นอกจากสองคนที่แอดมิทอยู่ที่รพ สนาม กลับมาทำงานแล้ว หลังจากกักตัวไปแปดวันและ swab สองครั้งแล้ว ผลเป็นลบ
แต่ข่าวร้ายก็คือเราต้องกักตัวทีมแพทย์ ortho อีกนับสิบรายเนื่องจากวันนี้มี resident ortho ที่ดูแลผู้ป่วยที่เพิ่งพบเมื่อวานว่าเป็นบวก ติดเชื้อจากผู้ป่วยและมีผลตรวจเป็นบวกด้วย กับมีผู้ช่วยพยาบาลอีกสองคนในสองหน่วยงานที่ต่างกันก็มีผล+ด้วยเช่นกัน
ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ทั่วประเทศของวันนี้ที่มีมากกว่า 8600คน เสียชีวิต80 คน ยังอยู่ในเกณฑ์มากผิดปกติตามที่ ได้ประเมินเอาไว้ พรุ่งนี้หรือมะรืนตัวเลขคงสูงกว่านี้มากและน่าจะผ่านหลัก 10,000ไป เพราะเราเริ่มนโยบายตรวจให้มากและให้ใช้rapid test ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตก็คงจะสูงตามไปด้วย
เมื่อวานมีการส่งผู้ป่วยโควิดอาการหนักถึงขนาดต้อง CPRกันในห้องฉุกเฉินเข้ามาที่รพ.ถึงสี่ราย แต่เราสามารถปั๊มหัวใจจนมีสัญญาณชีพกลับคืนมา และส่งเข้ารักษาต่อใน ICUได้เพียงสองรายเท่านั้น สถานการณ์ที่หนักหนาขึ้นเรื่อยๆคงทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิดในโรงพยาบาลมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ทั้งการที่ธรรมศาสตร์มีหน่วยนิติเวชที่รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ปทุมธานีและใกล้เคียงอยู่ แม้จะมีเคสผู้ป่วยเสียชีวิตที่บ้าน แต่ก็จะต้องถูกส่งมาตรวจชันสูตรที่นี่ด้วย จำนวนผู้เสียชีวิตที่มากขึ้นทำให้เราเริ่มมีปัญหากับความพอเพียงของสถานที่เก็บศพ วันนี้ เราจึงได้เตรียมเช่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มสำหรับการนี้อีกสองตู้แล้ว
อันที่จริงเรื่องทำนองนี้ไม่ควรจะบอกออกไปต่อสาธารณะ แต่การที่เราแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบก็เป็นความตั้งใจที่จะบอกเล่าความเป็นจริงที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ หรือที่จะต้องเผชิญต่อไปในอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์หน้าให้ทุกๆฝ่ายทราบ และเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับระบบสาธารณสุขของเราในอีกไม่กี่วันที่จะมาถึงนี้
แต่ที่นี่ เราก็ไม่ได้นิ่งเฉยรอรับสถานการณ์ด้วยการเตรียมคอนเทนเนอร์เพิ่มไว้เท่านั้นหรอกนะพวกเราที่นี่ขวนขวาย ขุดสนามเพลาะ ปรับปรุงค่ายคูประตูหอรบ เตรียมหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่ม และปรับกำลังรบกัน เพื่อเตรียมรบแตกหักครั้งสุดท้ายในสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ด้วยเหมือนกัน
วันนี้ พวกเราตัดสินใจสร้างห้องnegative pressure ขนาด 150 ตรม.ขึ้นที่ห้องฉุกเฉิน ER เพื่อรองรับ และกลั่นกรองผู้ป่วยฉุกเฉินที่ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ก่อนที่จะผ่านเข้าไปในรพ. การเพิ่มพื้นที่เฉพาะรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินPUIได้ระดับสูงสุดถึง 15 คนพร้อมกันภายในห้องความดันลบในER นี้ น่าจะทำให้มาตรการป้องกันการติดเชื้อของเรามีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น โดยเฉพาะภายใน ERซึ่งเป็นประตูเดียวที่จะผ่านเข้าสู่ทุกวอร์ดผู้ป่วยใน ของโรงพยาบาลได้
สถานการณ์ที่โรงพยาบาลสนาม วันนี้เรารับผู้ป่วยใหม่เข้ามาได้ 15 คนและส่งผู้ป่วยกลับได้ 39 คนทำให้จำนวนรวมผู้ป่วยที่มีอยู่ที่ 307 คน จำนวนของผู้ป่วยอาจจะต่ำกว่า 400 มาแล้ว แต่”คุณภาพ”ของผู้ป่วยก็ต่างไปจากเดิมมาก เพราะผู้ป่วยหลาย สิบคนได้เปลี่ยนเป็นผู้ป่วยเคสสีเหลืองไปแล้ว โดยไม่สามารถส่งกลับไปดูแลที่รพ ธรรมศาสตร์ซึ่งมีคนไข้โควิดเต็มล้นได้ วันนี้รพ.สนามจึงใกล้จะกลายเป็นรพ.หลักมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่เรายังคงมีกำลังบุคลากรเท่าเดิม แต่มีภาระงานดูแลผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะยังไม่เต็มทุกเตียงก็ตาม การขอส่งผู้ป่วยอาการหนักเฉพาะรายกลับเข้าใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือให้แพทย์เฉพาะโรคนั้นในรพ.หลักดูแลรักษากลางดึก จึงเป็นภาระงานยุ่งยากที่เกิดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการreferผู้ป่วยเคสโควิด ซึ่งบุคลากรทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมมาตรการและการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ในทุกๆกรณี
ภาระงานที่มีความสุขทั้งผู้ได้รับบริการและบุคลากรตลอดจนอาสาสมัครของเราต่างก็มีความสุขไปด้วยก็มีอยู่ด้วยนะ คือการให้บริการฉีดวัคซีน Astra ที่ยิม 4 วันนี้เราให้วัคซีนตามคิวนัดไปได้ทั้งสิ้น 1897 คน และเรายังคงยืนยันจะให้วัคซีนAstra ตามคิวนัดต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคมอย่างแน่นอน
จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่น่าจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจในสัปดาห์นี้ ภาระงานที่ล้นท่วมอยู่แล้วก็คงจะหนักมากยิ่งขึ้นอีก บุคลากรของเรา ทั้งแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่นๆเหนื่อยหนักและตรากตรำมาหลายเดือนแล้ว แต่พวกเราก็ยังคงยืนยัน ที่จะบอกว่าพวกเราพร้อมนะ
สำหรับการรบครั้งสุดท้าย ที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้ เราจะรบเพื่อรักษาชีวิตของผู้คน รักษาระบบสาธารณสุข และรักษาประเทศชาติของพวกเราเอาไว้ จนสุดกำลังความสามารถของพวกเรา จนกระทั่งหมดกำลังที่จะรบต่อไปอีกได้ .. และพวกเราสัญญาว่า เราจะไม่ยอมแพ้