จากกรณีที่ผู้แชร์คลิบ สาวใหญ่ซึ่งตอนแรกถูกระบุว่าเป็นแม่ของน้องกล้า (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงทำให้ประชาชนที่ได้เห็นภาพดังกล่าวเกิดความสะเทือนใจและได้มีการเร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามช่วยเหลือเด็กชายคนดังกล่าว พร้อมให้จับกุมสาวใหญ่ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยไว ซึ่งในช่วงคืนวันเดียวกัน พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.ธีรเชษฐ์ ธนวินรวีร์ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่บริเวณ ม.4 ต.หนองงูเหลือม อ.เมือง จ.นครปฐม กระทั่งสามารถช่วยเหลือเด็กชายคนดังกล่าวออกมาได้อย่างปลอดภัยและติดตามจับกุม นางอำพร ห้วยหงษ์ทอง หรือพร ซึ่งที่แท้เป็นย่าของน้องกล้า (นามสมมติ) หลังหลบหนีได้บริเวณตำบลทุ่งรี อำเภอเมืองนครปฐม ห่างจากจุดเกิดไม่ไกล วันที่ 12 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาวเสาวลักษณ์ ห้วยหงส์ทอง อายุ 48 ปี น้องสาวของนางอำพร ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ในคลิบ และคนที่ถ่ายคลิบไว้ได้เป็นลูกสาวของตนเอง บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ พาน้องเค้ก ลูกสาวและน้องกล้า หลานชายไปส่งที่บ้าน จากนั้นได้ น้องกล้าได้ไปขออนุญาตกับนางอัมพร ซึ่งเป็นย่า เพื่อจะไปเล่นสเก็ตบอร์ด แต่ยังไม่ทันได้ออกไปไหน นางอัมพรก็ได้เกิดความโมโหอย่างหนัก และได้ลงมือทำร้ายหลานแท้ๆ ของตัวเองอย่างหนักและได้ทำร้านตนเองดังที่ปรากฏในคลิบ ซึ่งจนถึงตอนนี้ตนเองก็ยังไม่รู้ว่า นางอัมพรทำไปเพราะอะไร ซึ่งตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงจนรับไม่ได้ และมีผู้ใหญ่บ้านได้พาตนไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครปฐม กระทั่งมีการช่วยน้องกล้า (นามสมมติ) มาได้และจับกุมพี่สาวของตนเองในคืนเดียว ทั้งนี้ นางสาวเสาวลักษณ์ บอกว่า หลังจากตำรวจสอบปากคำและไปตรวจร่างกายเสร็จแล้ว ได้ให้น้องกล้า ไปอยู่ที่บ้านของยายของเขา ซึ่งน้องกล้า (นามสมมติ) ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง เพราะพ่อนั้นติดคุกและแม่ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี จึงให้นางอัมพรเป็นผู้เลี้ยงดู ที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งทางยายของน้องกล้า (นามสมมติ) ได้เคยขอรับไปเลี้ยง แต่นางอัมพร ไม่ยอมและได้เสนอขอให้ทางยายจ่ายเงินให้สัปดาห์ละ 1 พันบาทและจะให้อยู่บ้านยาย 5 วันและมาอยู่กับนางอัมพร 2 วัน ต่อสัปห์ดา จึงตกลงกันไม่ได้ และมาเกิดเรื่องดังกล่าวซึ่ง ตอนนี้แม่น้องกล้า (นามสมมติ) รู้เรื่องและเสียใจร้องไห้อย่างหนักกับคลิบที่ได้เห็น ส่วนตัวเองที่ถูกทำร้ายนั้นก็ได้แจ้งความไปแล้วแต่ไม่ได้ประสงค์เอาความผิดกับกับพี่สาวแต่เรื่องของหลานก็ให้เป็นไปตามกระบวนการกันต่อไป “ปกติไม่ได้คุยกับพี่สาวเพราะไม่ชอบนิสัยเขาซึ่งเขาดื่มเหล้าหนักเราก็ไม่ชอบอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นเมื่อวานว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็รับไม่ได้ เพราะหลานชายไม่ใช่เด็กดื้อ เขากลัวมาก เพราะร้องตลอดบอกว่ากลัว ซึ่งส่วนตัวเหตุว่าเกินกว่าเหตุ และมีคนมาต่อว่าทำไมถ่ายแต่คลิบไม่ลงไปช่วยหลาน ฉันก็อยากจะบอกว่าขาฉันหักมาก่อนมันเดินไม่ถนัด ส่วนคนที่ถ่ายคลิบก็เป็นเด็กอายุ 11 ปีไม่กล้าเข้าไปกลัวจะโดนตีแบบฉัน อยากให้คนเข้าใจฉันด้วย ซึ่งบาดแผลฉันที่ถูกเขาฟาดด้วยท่อนไม้ก็มีทั้งที่แขนและขาบวมช้ำอยู่ด้วย” นางสาวเสาวลักษณ์ กล่าว ขณะเดียวกัน วันนี้ (12 ก.ค.) ทางพนักงานาสอบสวน ได้กลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อทำบันทึกและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อรวบรวมไว้ประกอบสำนวนในการดำเนินคดี โดยพบว่าเป็น การกระทำเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท คือ ประมวลกฎหมายอาญา ม.295 และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ม.26(1) โดยจะมีการดูแลเด็กในเรื่องบาดแผลก่อน และจะดูสภาพจิตใจว่ามีความพร้อมหรือไม่ในการให้ดำเนินการสอบสวนซึ่งต้องมีการดำเนินการจากสหวิชาชีพ ทั้งตำรวจ แพทย์ นักจิตวิทยา อัยการ เพื่อรวมรวบหลักฐานในการดำเนินคดีกับ นางอัมพร อีกครั้ง และมีหลายหน่วยงานกำลังเร่งติดตามการดูแลเด็กในระยะยาวซึ่งตอนนี้อยู่กับยายในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว