เพิ่มประสิทธิภาพป้องเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า พร้อมไฟเขียวบูสเตอร์โดสเข็ม 3 อนุมัติให้ใช้ชุดตรวจ แอนติเจน เทสต์ คิท ได้เองที่บ้าน พร้อมมมาตรการแยกกักตัวที่บ้าน-ชุมชน เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ถึงมติของที่ประชุม ดังนี้ 1.ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนสลับชนิด โดยเข็ม 1 เป็นวัคซีนซิโนแวค เข็ม 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ห่างกันในระยะ 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ให้มากยิ่งขึ้น โดยให้รพ.ดำเนินการได้ทันทีในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า 2.ที่ประชุมรับทราบการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือ บูสเตอร์โดส สำหรับบุคลากรแพทย์ด่านหน้า โดยให้เข็ม 3 ห่างจาก เข็ม 2 ในระยะ 3-4 สัปดาห์ ซึ่งบุคลากรการแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแรก เกิน 4 สัปดาห์แล้วจึงสามารถฉีดกระตุ้นได้เลย เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงและเร็วที่สุด เพื่อป้องกันสายพันธุ์เดลต้า ให้บุคลากรแพทย์ด่านหน้าเกิดความมั่นใจและปลอดภัย จะได้ดูแลผู้ป่วยได้เต็มที่ ทั้งนี้ บูสเตอร์โดสจะเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก เนื่องจากมีข้อมูลวิชาการระบุว่าการให้วัคซีนคนละชนิดเป็นเข็มกระตุ้น มีผลดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในบุคคลเพื่อป้องกันโรคโควิด-19เพิ่มมากขึ้น 3.เห็นชอบให้มีการใช้ชุดตรวจแอนติเจน โควิด 19 หรือ แอนติเจน เทสต์ คิท ในการตรวจเชื้อ ให้เข้าถึงได้ ง่าย ไม่ต้องใช้วิธีสวอป ซึ่งการนำเทสต์คิดมาใช้ จะต้องผ่านรับรองจากอย. พบมีขึ้นทะเบียนแล้ว 24 ราย และมีสถานพยาบาล หน่วยตรวจกว่า 300 แห่ง จะช่วยลดเวลาคอย โดย เร็วๆ นี้ จะอนุญาตให้ตรวจเองที่บ้านเพื่อสะดวก และลดความเสี่ยงแพร่เชื้อ กรมควบคุมโรค จะมอบให้ปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด 4.มาตรการแยกกักที่บ้าน และชุมชน สำหรับคนที่อาการไม่รุนแรง หรือ การแยกกักในชุมชน ในบ้าน โดยจะมีเครื่องวัดไข้ วัดออกซิเจนในเลือด มียา โดยทางสปสช.ได้วางแนวทางมาแล้ว พร้อมมีอาหารให้ด้วย ซึ่งสปสช.จะได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลที่เป็นเจ้าภาพดูแลผู้ป่วยแต่ละชุดอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงาน ให้ดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวถึงบ้าน จะนำชุดคัดกรองต่างๆ ให้บริการถึงชุมชน ถึงบ้าน ซึ่งถึงแม้การฉีดว้คซีนจะช่วยลดป่วยรุนแรง ลดตาย ลดแพร่ระบาด แต่ทาง สธ.ยังแนะนำความจำเป็นในมาตรการส่วนบุคคล ลดเดินทางไม่จำเป็น จำกัดกิจกรรมนอกบ้านให้ได้มากที่สุด