วันที่ 12 ก.ค.64 ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 แถลงความคืบหน้าการประชุมของคณะกมธ.ฯ ว่า จนถึงขณะนี้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว 8 กระทรวง 4 กองทุน ล่าสุดการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการพิจารณาในส่วนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยกมธ.ได้สอบถามแนวทางการแก้ไขผลกระทบจากการระบาดของโควิด – 19 แก่นิสิต นักศึกษา และประชาชน ซึ่งเป็นการสอบถามแนวทางช่วยเหลือเรื่องหนี้สินของนิสิต นักศึกษา ว่าจะช่วยเหลืออย่างไร เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของนิสิต และผู้ปกครอง เช่น ปรับลดค่าหน่วยกิตลง และสอบถามถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้า นิสิต นักศึกษา นอกจากนี้ ยังสอบถามถึงนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อ เพราะหากมีการจัดพื้นที่ของมหาวิทยลัยเพื่อจัดเตียงสนามก็จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมาก เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีความความพร้อมเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค ทั้งนี้ กระทรวงอุดมศึกษาฯ ชี้แจงว่า ได้ให้นโยบายมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการช่วยเหลือนิสิต นักศึกษา 3 เรื่อง คือ 1.ด้านการเงิน เช่น การลดค่าหน่วยกิต การขยายเวลาชำระค่าเล่าเรียน และการให้ทุนการศึกษา 2.การช่วยเหลือประชาคมผู้ประกอบการในมหาวิทยาลัย และผู้เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัย และ 3.การช่วยเหลือบรรเทาภาระทางการศึกษาของนิสิต เช่น การสนับสนุนการเรียนผ่านสื่อออนไลน์ และการขยายเวลาฝึกงาน เพื่อไม่ให้นิสิต นักศึกษา มีปัญหาในการจบการศึกษา ส่วนการฉีดวัคซีนให้นักศึกษา ได้มีการฉีดให้แล้วกว่า 4 แสนคน โดยอยู่ในกทม 3.9 แสนคน ต่างจังหวัด 5 หมื่นกว่าคน โดยบุคลากรด่านหน้าได้รับวัคซีนหมดแล้ว ส่วนนักศึกษาที่ต้องไปปฏิบัติงานภายนอก ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้วเช่นกัน ขณะที่การจัดตั้งรพ.สนาม ในพื้นที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากมหาลัยต่างๆทั่วประเทศเปิดรพ.สนามแล้ว 53 แห่ง ทั้งนี้ จะพยายามเพิ่มพื้นที่ และจำนวนเตียงต่อไป ส่วนในวันนี้ (12 ก.ค.) เป็นการพิจารณากระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ในส่วนการประชุมของคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ยังคงดำเนินการประชุมอยู่ โดยวันนี้ กมธ.สัดส่วนของพรรคก้าวไกลทั้งหมด ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม หลังจากพบว่ามีส.ส.ของพรรคติดเชื้อโควิด – 19 อย่างไรก็ตาม มาตรการป้องกันการระบาดโควิด – 19 ยังเข้มข้น เพื่อให้ผ่านไปด้วยดีกมธ.ก็ต้องดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่า หากต้องงดการประชุมคณะกมธ.งบฯ จะพิจารณาได้ทันตามกรอบ 105 วันหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า หากไม่ได้มาประชุมจะมีการใช้การประชุมระบบซูมแทน ซึ่งการประชุมคณะกมธ.งบฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ใช้ระบบซูมทั้งหมด ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้การพิจารณาเสร็จไม่ทันกรอบเวลา 105 วัน รัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจนว่าให้ถือว่าเห็นชอบผ่านวงเงินงบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท ตามที่รัฐบาลเสนอมา แต่เท่าที่ศึกษาไปยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เราจะพยายามปรับใช้ระบบเทคโนโลยีมาช่วยในการประชุม เพื่อให้พิจารณาได้ให้ทันภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้ และสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาในวันที่ 21 – 22 ส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาวาระ 3 ต่อไป