วันที่ 11 ก.ค.64 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาระบุว่า “ล็อกดาวน์ คือ ไม่ให้คนออกจากเมือง เคอร์ฟิวส์ คือ จำกัดเวลา ให้คนมีเวลาอยู่กับบ้าน เวิร์กฟรอมโฮม คือ คุณทำงานที่บ้านได้ไม่ต้องไปไหน” ทั้งหมดมันตั้งบนสมมุติฐานว่า เชื้อโรคอยู่นอกบ้าน ให้คนอยู่กับบ้านมากที่สุด โอกาสติดโรคจะน้อยลง ทั้งหมดนี้ถูกแค่ครึ่งเดียว โดยเชื้อโรควันนี้ กระจายไปทุกที่และติดง่าย อาจอยู่ในบ้าน หน้าบ้าน ในชุมชนที่อยู่ อาจจะมากับอาหารที่สั่งซื้อ อาจติดมากับคนในครอบครัวที่เพียงออกจากบ้านไปธุระเพียงไม่กี่นาที ล็อกดาวน์อย่างเดียวอาจกลายเป็นให้คนอยู่กับเชื้อโรคได้ เราไม่รู้ว่าคนไหนคือคนที่มีเชื้อโรค เพราะติดแล้วอาจไม่มีอาการแสดง ยิ่งกระบวนการตรวจหาเชื้อยังมีค่าใช้จ่ายสูง หาที่ตรวจยาก ที่ตรวจฟรีมีจำกัด ถึงขนาดต้องเข้าแถวข้ามคืน รัฐไทยยังเป็นรัฐตัวพ่อที่ไม่ยอมให้ประชาชนตรวจเอง เพราะกลัวทำไม่เป็น อ่านค่าผิด หรือกลัวตัวเลขคนติดเชื้อแซงขึ้นอันดับโลก วันนี้คนไทยจึงอยู่ท่ามกลางคนติดเชื้อ ส่วนวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ หรือช่วยบรรเทาอาการป่วยหนักหรือตาย วันนี้แผนการฉีดยังไม่เคยเป็นไปตามเป้า ทั้งจำนวน เนื่องจากปัญหาการจัดหาและการส่งมอบ ทั้งเป้าหมาย เนื่องจากปัญหาการจัดลำดับความสำคัญและการแทรกแซงทางการเมืองเพื่อนำไปให้คนในฐานคะแนนเสียงตน วัคซีนทางเลือกที่แม้ประชาชนยอมเสียเงิน ก็เกินกว่าโควต้าที่จะรับจอง หรือแม้จ่ายเงินแล้ว ยังไม่รู้กำหนดว่าจะได้มาเมื่อไร เมื่อคนส่วนใหญ่ยังไม่ฉีดวัคซีน ล็อกดาวน์ 14 วัน คือการชะลอตัวเลขไม่ให้เพิ่มขึ้นเร็ว เจ็บแต่ไม่จบ หากรัฐบาลยังติดยึดกับวิธีการบริหารแบบเดิม ที่ตัดสินใจไม่รอบคอบ เกรงใจสูง ไม่กล้าขัดใจผู้มีอำนาจ ได้แต่โกหกแก้ตัวไปวันๆ ทั้งที่หมอและคนมีความรู้ แต่อยู่นอกวงอำนาจเสนอแนะทางออกดีๆ มากมาย แต่กลับไม่รับฟังและปรับเปลี่ยน เพราะเกรงเสียหน้าและถูกตำหนิในการตัดสินใจที่ผิดพลาด วันนี้ เตือนอีกครั้งแบบสุภาพที่สุดแล้ว กัปตันเรือรั่ว หากยังมั่วไม่รู้จักแม้ใช้เข็มทิศเดินเรือ นำรัฐนาวาออกไกลฝั่งทุกที คนในเรือสมควรจับถ่วงน้ำ เปลี่ยนกัปตันใหม่ด่วน”