จากกรณีที่บริษัท มหาชนจำกัด อัคคีปราการ เข้าทำการเคลื่อนย้ายสารเคมี สไตรีน ซึ่งยังหลงเหลืออยู่ในถังบรรจุขนาดใหญ่ของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล ที่เกิดระเบิด และไฟลุกไหม้ ไปทำลาย จำนวน 6 แสนลิตร โดยมีการจัดส่งผู้ชำนาญการ เข้าดูหน้างานและจัดเตรียมสถานที่เพื่อทำการเคลื่อนย้ายสารอันตรายดังกล่าว ออกไปทำลาย โดยทางบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล ได้นำรถแมกโคร มาทำการเคลียร์เส้นทางซากประหลักหักพังออกจากพื้นที่เพื่อเคลียร์ทางให้รถโอโซน แท้งขนาดความจุ 24 คิว ที่จะเข้าไปทำการถ่ายสารเคมีดังกล่าวนำไปทำลายเข้าไปประชิดตัวถังได้ให้มากที่สุด แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทมหาชนจำกัด อัคคีปราการ เข้ามาตรวจสอบแล้วทรายที่นำมาปรับเป็นเส้นทางเข้าออกของรถโอโซนแท้ง ไม่สามารถรับน้ำหนักของรถโอโซน แท้งได้
ดังนั้นวันนี้ (9 ก.ค.) จึงจำเป็นต้องยุติกระขบวนการเคลื่อนย้ายสารเคมีดังกล่าวเอาไว้ และในคืนนี้ทางบริษัท หมิงตี้ จะเข้าดำเนินการปรับเส้นทางเข้าอีกครั้งเพื่อให้รองรับน้ำหนักของตัวรถและน้ำหนักของสารเคมีที่ถูกโหลดเข้าในแท้งบรรจุแล้ว หรืออาจมีการปรับแผนนำแผ่นเหล็กเข้ามาปูทับเพื่อรองรับน้ำหนักของตัวรถและสารเคมี ซึ่งได้มีการนำรถโฮโซ แท้ง เข้ามาทดสอบการวิ่งเข้าออกด้วย
ด้าน นาย ศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท มหาชนจำกัด อัคคีปราการ กล่าวว่า เส้นทางที่เตรียมไว้ในการปฏิบัติการขนย้ายสารเคมีสไตรีนที่อยู่ในถังกักเก็บวันนี้ต้องถูกยกเลิก เนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามีฝนตกหนักมาในพื้นที่ ทำให้พื้นที่ที่รถจะมาขนถ่ายไม่แข็งแรง จึงกลัวว่าถ้ารถรับน้ำหนักแล้วออกมาพื้นทรุดก็จะเกิดปัญหาตามมา ส่วนเส้นทางที่จะเข้าไปนำสารเคมี นั้น มีระยะทางที่สั้นเกินไป อยากจะให้เข้าไปได้ใกล้กว่านี้เพื่อความปลอดภัย
ซึ่งพรุ่งนี้เช้าเมื่อเคลียร์เส้นทางเรียบร้อยแล้ว จึงจะเริ่มภารกิจใหม่ โดยได้เตรียมอุปกรณ์พร้อมปฏิบัติการต่อในช่วงเวลาประมาณ 9.00 น โดยก่อนที่จะปฏิบัติงานจะไปประเมินความเสี่ยงอีกครั้ง ทั้งเรื่องพื้นที่และสภาพอากาศ ถ้าเกิดมีการยุบตัวอาจจะต้องใช้แผ่นเหล็กมาวางเพื่อให้รถเข้าออกได้ แต่จะพยายามทำงานให้เร็วที่สุด เพื่อจะนำสารเคมี สไตรีน ไปทำลายที่ บริษัทมหาชนจำกัด อัคคีปราการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 1
ทั้งนี้รถแต่ละคันจะรับสารเคมีได้ประมาณ 25 คิว จะต้องขนถ่ายประมาณ 24 เที่ยว โดยคาดการว่าจะนำสารเคมีทั้งหมดออกไปทำลายได้ภายใน 5 วัน แต่ถ้าสภาพอากาศดีไม่มีอะไรติดขัดน่าจะเร็วขึ้นไม่เกิน 3 วัน โดยรถขนถ่ายมีเพียงพอและระยะทางไม่ไกล ดังนั้นจึงสามารถทำงานได้ตลอดเวลา ส่วนวิธีการทำลายสารสไตรลีน จะเป็นการนำไปเผาทำลายที่เตาเผาอุณหภูมิสูง ที่มีความร้อน 1000 องศา ขึ้นไป โดยในประเทศไทยที่เป็นเตาเผาอุตสาหกรรมมีอยู่ที่เดียว คือ บริษัทหมาชนจำกัด อัคคีปราการ ซึ่งเป็นเตาเผาของกรมโรงงานอุตสาหกรรมเอง
สำหรับขั้นตอนการทำลายสารเคมีประเภทนี้ คือ ทำลายโดยการฉีดเข้าไปในเตาเผา เพื่อทำลายโมเลกุล ต้องให้ความร้อนและเวลาในการเผาไหม้นานพอสมควร โดยคาดว่าจะเผาได้ชั่วโมงละ 3 ตัน พร้อมกันนี้ยังเตรียมแทงค์หรือที่กักเก็บขนาด 600 ตัน ไว้ จึงสามารถดูดและไปเก็บไว้ที่แทงค์ได้ เพื่อทยอยทำลายต่อไป



