เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงมาตรการของศบค.ชุดใหญ่ ที่จะให้มีการล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิว โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสีแดง ว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำลังดำเนินการเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน เมื่อล็อกดาวน์ให้ประชาชนอยู่บ้าน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด จะส่งผลกระทบต่อประชากรประมาณ 16 ล้านคน ตนจึงขอเสนอให้นายกฯ จ่ายเงินเยียวยาอย่างน้อยเดือนละ 5 พันบาท เป็นเงินสดทุกสาขาอาชีพ ใช้งบประมาณ 7.5 หมื่นล้าน บวกชดเชยเยียวยาอื่นๆที่เกี่ยวข้องไม่เกิน 1.5 แสนล้าน จึงอยากให้นายกฯ สั่งการไปยังกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และท้องถิ่น นำเงินไปซื้ออาหารเหมือนตั้งโรงทานให้ประชาชนมาหยิบไปรับประทานที่บ้าน เพราะเงินเยียวยาต้องรอการอนุมัติใช้เวลาพอสมควร นอกจากนี้ เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการให้สถาบันการเงินพักการชำระหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เป็นเวลา 3 เดือน รวมถึงช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภค อย่าไปตัดน้ำ ตัดไฟ ส่วนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 39 และ 40 ขอให้มีมาตรการหยุดจ่ายเงินสมทบ 3 เดือน ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีให้ธนาคารพักชำระหนี้ 3 เดือน และคิดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ ส่วนเรื่องวัคซีนประเทศไทยมีวัคซีนซิโนแวคจำนวนมาก แต่เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพปานกลางไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้หยุดสั่งซื้อซิโนแวค แต่เร่งรัดให้นำไฟเซอร์ โมเดอนา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เข้ามาโดยด่วน และต้องฉีดให้ทั้งคนไทย และต่างด้าว จึงต้องสั่งซื้อเข้ามา 240 ล้านโดส นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และเสียชีวิตกว่า 2,500 คน มากกว่าสงครามปราบคอมมิวนิสต์ ทั้งที่พวกเขาน่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอีกหลายปี หลายครอบครัวพ่อ แม่ ต้องเสียชีวิตจากโควิด – 19 ตนจึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาสิกขาบท เข้าไปอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์บวชไม่สึกจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ชดเชยที่บริหารประเทศทำให้ประชาชนตายก่อยวัยอันควร บาปกรรมจะได้ลดทอนไม่ติดไปจนถึงชาติหน้า ซึ่งตนจะไปใส่บาตรให้พล.อ.ประยุทธ์ 99 วัน เพราะเกรงว่าจะไม่มีคนไปใส่บาตรให้ ส่วนใครจะเป็นนายกฯ คนตอไป ตนคิดว่าใครก็ได้รับรองว่าดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอน เมื่อถามว่า นายกฯ และครม. สละเงินเดือน 3 เดือน จะสละเงินเดือนด้วยหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า โควิดรอบที่แล้วตนบริจาคเงินเดือนเข้าระบบ 4 เดือน เป็นเงิน 4 แสนบาท และเงินเดือนอีก 3 เดือน ได้ใช้เพื่อซื้อของบริจาคอีก 3 แสนบาท รวม 7 เดือน อีกทั้งส่วนตัวยังตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชน และบริจาคสิ่งของทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเป็นหน้าที่ ส.ส. ส่วนรอบนี้มีนายกฯ และครม. บริจาคอยู่แล้ว ตนคงไม่บริจาคร่วมกับนายกฯ เพราะหากทำแล้วกลัวชาติหน้าจะเกิดมาเจอกันอีกแบบนี้ไม่ไหว จึงขอทำบุญแยกจะดีกว่า