จากการระบาดของโควิดที่แพร่กระจายทั่วประเทศ จนนำไปสู่การล็อกดาวน์ รวมไปถึงความขัดแย้งของคนในวงการแพทย์ ด้วยข้อสงสัยถึงการที่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค จำนวนมหาศาลทั้งที่มีการโจมตีในเรื่องประสิทธิภาพมาโดยตลอด ขณะที่แนวโน้มของอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงขึ้นทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.- วันที่ 8 ก.ค. รวมยอดผู้ติดเชื้อ 8 วัน จำนวน 48,929 ราย เสียชีวิต 439 ราย ซึ่งทาง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้คาดการณ์แนวโน้มผู้ติดเชื้อจะขึ้นเป็นหลักหมื่นในอีกไม่กี่วัน ทั้งๆ ที่ตัวเลขจริงๆ อย่างไม่เป็นทางการ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ระดับหมื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว และน่าจะทะลุ 2 หมื่นรายในไม่ช้า
ทั้งนี้ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวงการแพทย์โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนนั้นถือเป็นปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่เกิดจากแรงกดดันจากการทำงาน เนื่องจากแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มองไม่เห็นอนาคต ในจำนวนผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ ผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่มีทีท่าจะลดลง ขณะที่วัคซีนที่จะนำมาฉีดให้กับประชาชนก็เกิดความล่าช้า
ซึ่งทำให้แพทย์ส่วนหนึ่งที่อยู่หน้างานแสดงอารมณ์ออกมาให้เห็นว่า อาจารย์ที่นั่งเป็นกรรมการอยู่ตั้งหลายชุดในรัฐบาล ใน ศบค.อยู่กับผู้มีอำนาจ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ไม่มีการโน้มน้าวที่จะช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ความรู้สึกทางอารมณ์เท่านั้น ไม่ใช่ปรากฏการณ์แบบเหลืองกับแดงทางการเมืองที่มีการแบ่งขั้วกันชัดเจน ดังนั้นกลุ่มแพทย์ต่าง ๆ จึงต้องการจะรู้ว่าเหตุใดจึงต้องสั่งวัคซีนซิโนแวค ทั้ง ๆ ที่ทุกท่านก็รู้ว่าประสิทธิภาพเป็นเช่นไร แล้วทำไมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ป้องกันได้ดีกว่า จึงไม่มาตามที่มีการแถลงไว้และยังมีประเด็นในเรื่องของการกระจายวัคซีนไม่ทั่วถึงอีกด้วย
โดย นพ.สุภัทร ยังกล่าวถึงประเด็นวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา เข้ามาแก้ไขจึงจะหยุดการระบาดได้นั้น ในความเป็นจริงรัฐบาล หรือกระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีการจอง จะมีก็เพียงคณะรัฐมนตรีเพิ่งจะอนุมัติ จึงอยากจะถามว่าเราจะนำวัคซีนประสิทธิภาพดีมาจากไหนที่จะมาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าและประชาชนทั่วไป มันก็เหลือแต่ซิโนแวค ซิโนฟาร์มซึ่งประสิทธิภาพไม่ได้ต่างกัน แรก ๆ ก็ยอมรับได้ว่าเป็นวัคซีนขัดตาทัพ เพราะแอสตร้าฯ ยังไม่มา แต่จะให้ใช้ซิโนแวคขัดตาทัพกันตลอดไป มันไม่ไหว กระบวนการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา ของรัฐบาลก็ช้าโคตร ๆ ช้าจริง ๆ ถ้าสั่งเมื่อ 4 เดือนที่แล้วที่มีการพูดคุยก็ได้วัคซีนมาใช้กันแล้ว
ในความเป็นจริงวัคซีนซิโนแวค ถูกนำมาใช้แก้ปัญหา เพราะรัฐบาลประยุทธ์ หวังพึ่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งผลิตได้เดือนละ 20 ล้านโดส และเป็นของไทย 10 ล้านโดส ส่งออกเพียง 10 ล้านโดส แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามเป้าได้รับแอสตร้าฯ น้อยมาก จึงทำให้ไม่สามารถสั่งวัคซีนตัวอื่นได้ทัน ทุกอย่างจึงมาลงที่ซิโนแวค ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ก็เหมือนกัน ต้องมีการออกมากระทุ้งจากอาจารย์แพทย์ โรงพยาบาลเอกชน รวมไปถึงอัยการสูงสุด และอาจารย์แพทย์ที่อยู่ตามมหาวิทยาลัยแพทย์ ต่างก็รู้ดีว่า วัคซีน mRNA ที่ะสั่งเข้ามานั้น ไม่มีทางที่จะมาก่อนเดือนตุลาคม ยกเว้นที่โดสพิเศษคือไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนการทูต ที่จะได้รับการช่วยเหลือจากอเมริกา
โดย นพ.สุภัทร กล่าวต่อว่า เวลานี้จึงมีแอสตร้าฯ 5 ล้านโดส ทั้งที่จริงจะต้องมี 10-15 ล้านเพื่อมาฉีดให้ประชาชน ดังนั้นจึงเหลือวัคซีนตัวเดียวคือ ซิโนแวด สั่งปุ๊บ ได้ปั๊บ ซึ่งส่วนตัวรับรู้ถึงข้อจำกัดเหล่านี้จึงยอมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าอาจารย์แพทย์ที่นั่งเป็นกรรมการ ก็คงเช่นเดียวกัน แต่แพทย์ที่อยู่หน้างานเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมการบริหารงานหรือการจัดการเรื่องวัคซีนของคนที่มีอำนาจ จึงย่ำแย่แบบนี้
ส่วนในเรื่องข้อเสนอล็อกดาวน์นั้น ที่หลายคนอาจมองเป็นความขัดแย้ง แต่จริง ๆ อยู่ที่ชุดความคิดเพราะหากมีชุดความคิดในเรื่องของเศรษฐกิจ ก็ต้องคิดว่าล็อกดาวน์ไปแล้วจะทำอย่างไรให้คนมีชีวิตอยู่ได้ งบประมาณที่จะชดเชยเป็นอย่างไร ส่วนทางการแพทย์ ก็จะต้องดูเรื่องของระบบสาธารณสุขทั้งหมด จำนวนคนป่วย แนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และบุคลากรจะรับมือไหวหรือไม่อย่างไร รวมทั้งการเร่งตรวจเชิงรุก เมื่อมีการล็อกดาวน์ เพื่อที่จะไม่ทำให้ระบบสาธารณสุขต้องล่มสลาย
ประเด็นนี้ก็ต้องมาหาข้อสรุปว่าชุดความคิดใครจะชนะและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประชาชนสามารถรับได้มากที่สุด โดยตัวเลขติดเชื้อโควิดวันนี้ 8 ก.ค. สูงขึ้น 7,058 ราย เสียชีวิต 75 ราย ตัวเลขผู้ป่วยสะสมกว่า 2 แสนราย โดยผู้ป่วยอาการหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งแนวโน้มผู้ป่วยหนักและเตียงไอซียู ใส่เครื่องช่วยหายใจ เพิ่มขึ้นตลอด จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้มีการล็อกดาวน์ ดังนั้นถ้าต้องการเปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจกลับมาเดินได้ ก็ต้องไปจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพมาฉีดให้กับประชาชน พูดกันเดือนละ 15 ล้านโดสก็ต้องจัดหา ถ้าไม่มีวัคซีนมา แต่ไม่ใช่ซิโนแวคนะ ได้แอสตร้าฯ ก็ยังดีกว่า แต่ถ้าเป็นซิโนแวคเหมือนเดิม ก็นำไปสู้การเคลื่อนไหวของกลุ่มหมอต่าง ๆ ต่อไป