ส่องเทรนด์สุขภาพสุดล้ำในโลกยุค 5G ทรู เปิดมุมมองจากกูรูนวัตกรรมด้านคุณภาพชีวิต ในงานสัมมนา “True 5G Tech Talk” ร่วมพลิกโฉมวงการ “Health & Wellness” ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระตุ้นให้การดูแลสุขภาพและสาธารณสุข กลายเป็นเรื่องที่คนใส่ใจให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันมากขึ้น ขณะที่บุคลากรการแพทย์ยังคงมีภารกิจหนักหน่วงในการรับมือกับโรคโควิด-19 การนำเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง 5G และเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆมาใช้ในภาคสาธารณสุข จึงเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่จะช่วยยกระดับบริการทางการแพทย์และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น
ทรู 5G จึงได้หยิบยกประเด็นเรื่องสุขภาพ โดยร่วมกับ Huawei ASEAN Academy และ Techsauce จัดงานสัมมนา 5G พลิกโฉมประเทศไทย “True 5G Tech Talk” ในหัวข้อ “Health & Wellness” ผ่าน True VROOM พร้อมถ่ายทอดสดที่ทรูไอดี โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมด้านคุณภาพชีวิต ร่วมเจาะลึกเทรนด์สุขภาพ พร้อมเปิดมุมมองการนำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ในวงการสาธารณสุข
ศักยภาพ 5G ยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ในงานสัมมนา “True 5G Tech Talk” หัวข้อ “Health & Wellness” Dr. Chern Chet Yong, COO - Good Doctor Technology แพลตฟอร์มออนไลน์ด้านสุขภาพภายใต้ Ping An Good Doctor, Grab และ Softbank ได้กล่าวว่า ศักยภาพของเทคโนโลยี 5G สามารถพัฒนาประสิทธิภาพการรักษาของสาธารณสุข และคุณภาพชีวิตของคนทั่วไป ทำให้คนทุกระดับสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการรักษา อีกทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำ เชื่อถือได้ และปลอดภัย สามารถใช้ในการปรึกษาหรือการรักษาได้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเพราะรู้กันแค่หมอกับคนไข้
5 เทรนด์สุขภาพในยุคดิจิทัล
ในด้านมุมมองการนำเทคโนโลยี 5G ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการแพทย์สาธารณสุข Dr. Chern Chet Yong กล่าวถึง 5 เทรนด์สุขภาพที่มาพร้อมเทคโนโลยี 5G ได้แก่ อุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถส่งข้อมูลไปโรงพยาบาลได้ทันที เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ แว่นตา หรือกำไลข้อมือ, โมเดลรักษาสุขภาพที่ศึกษาเชิงลึก ช่วยแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้ตรงจุด สร้างสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว, การปรึกษาแพทย์แบบเสมือนจริง ปรึกษาแพทย์จากที่ใดก็ได้ และให้ประสบการณ์เหมือนอยู่ในโรงพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยในการรักษาทางไกลผ่าน 5G ได้แบบเรียลไทม์ แม่นยำ และเชื่อถือได้ ทั้งยังสามารถจัดการโรคที่เกิดขึ้นได้ในเครื่องมือเดียว ช่วยการรักษาได้แบบครบวงจร และ ระบบผู้ช่วยเสมือน นำ 5G เชื่อมต่อกับข้อมูลทางการแพทย์แบบเรียลไทม์ ตอบสนองทันที และเสนอวิธีการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาของแพทย์ หรือในอนาคตอาจจะได้เห็นหุ่นยนต์ช่วยแพทย์ทำการผ่าตัด
5 ระดับของ Telemedicine บน 5G ที่เหนือกว่า
หลายคนคิดว่า Telemedicine แค่ถามอะไรได้เพียงเล็กน้อย แต่ด้วยเทคโนโลยี 5G และโทรศัพท์มือถือที่มีการพัฒนา Telemedicine จะทำได้หลากหลายมาก พญ. พิรญาณ์ ธำรงธีระกุล CEO ของ Chiiwii สตาร์ทอัพด้านสุขภาพระดับแนวหน้าของไทย กล่าวพร้อมให้มุมมองว่า การนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกันทั้ง 5G และ remote monitoring (การดูแลระยะไกล) AI และการรายงานผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ดูแลคนไข้ที่ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาลได้อย่างครบวงจร 5 ระดับ ตั้งแต่ การป้องกันก่อนที่ป่วย, การตรวจเบื้องต้นจากที่บ้าน เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี, การเจ็บป่วยเล็กน้อย ปรึกษาหมอและจัดส่งยาถึงบ้านได้, ผู้ป่วยบ่อย มีโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัวต้องไปโรงพยาบาลเป็นประจำ สามารถติดตามอาการได้ง่ายขึ้น และ การรักษาในระยะยาวที่ต้องการแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญหลายสาขามาดูแลคนไข้ร่วมกัน สามารถทำได้โดยคนไข้ไม่ต้องเดินทางไปหลายที่
5G เชื่อมโยงแพทย์ ผู้ป่วย และทุกคนเข้าด้วยกัน
ด้าน นายพงศ์เทพ คงศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญจาก ทรู ดิจิทัล เฮลท์ กล่าวถึง ทรู เฮลท์ ศึกษาโมเดลในหลายประเทศ ทั้งยุโรปและเอเชียที่มีการนำ 5G มาทำ Telemedicine ซึ่ง Telemedicine ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนไข้กับแพทย์เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญทุกด้านสามารถเข้ามาดูแลสุขภาพของทุกคนได้ โดยทรูพร้อมเชื่อมโยงให้คนไทยทุกคนสามารถให้เข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ หรือโรงพยาบาลสามารถดูแลคนไข้ของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น พร้อมยังร่วมมือกับชีวี ให้คนไทยปรึกษาคุณหมอบนแพลตฟอร์ม True Health สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล และยังเปิดมุมสุขภาพที่โลตัส เรียกว่าจากออนไลน์ไปออฟไลน์ เสริมให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี สามารถเข้าไปใช้บริการนี้ได้ และจะขยายบริการไปยังห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้ มอลล์ หรือในร้าน 7-Eleven ด้วย