ระบาดหนัก! พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 7,058 ราย เสียชีวิต 75 ราย สรุปกระจายครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว ด้าน"สธ."เสนอ"ศบค."ดันมาตรการ"ล็อกดาวน์"จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด ปิดสถานที่เสี่ยง 14 วัน สกัดโควิด-19 ขณะที่"นายกฯ"เรียกประชุม ศบค.ด่วนวันนี้ 10โมงเช้า
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ม.ค.64 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,058 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 5,249 ราย ผู้ป่วยรายใหม่จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,732 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 68 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย และพบผู้ติดเชื้อโควิดครบทั้ง 77 จังหวัดของไทยเป็นครั้งแรก แสดงถึงสถานการณ์แนวโน้มผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง
วันเดียวกัน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า กระทรวงสาธารณสุข เสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค.ยกระดับมาตรการทางสังคม ได้แก่ จำกัดการเดินทาง อยากให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่สามารถออกไปหาหมอ ฉีดวัคซีนได้ ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมด สามารถเปิดสถานที่จำเป็นได้ เช่น ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต มาตรการนี้เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย จะใช้ในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งศบค.จะพิจารณาเรื่องพื้นที่และระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรการ อย่างไรก็ตาม จะมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ ศบค.ในวันที่ 9 ก.ค.64 และจะมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าเมื่อเดือน เม.ย. 63
ด้าน นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงในอีก 14 วันข้างหน้าและในครั้งนี้ต่างจาก เม.ย. 63 ที่เรามีวัคซีนมาฉีดให้ด้วย ก็จะทำให้ตัวเลขลดลงตามที่กำหนดไว้ ส่วนมาตรการที่ออกมาเพิ่มเติม คือ การตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยวิธี แรบบิท แอนติเจน เทสต์ ในพื้นที่ที่มีคนตรวจหาเชื้อจำนวนมากวิธีนี้จะรู้ผลได้รวดเร็ว มากกว่าการใช้วิธีอาร์ทีพีซีอาร์ เทสต์ ที่ต้องรอผล 3- 5 ชั่วโมง หรือรู้ผลข้ามวัน ส่วนในพื้นที่อื่นๆก็จะใช้วิธีอาร์ทีพีซีอาร์ เทสต์ได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ การใช้วิธีแรบบิท แอนติเจน เทสต์ จะใช้ในสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องและมีเตียงรองรับ อาจจะเป็นการให้บุคลากรทางการแพทย์ หรือ ผู้ป่วยตรวจเอง หากพบผลว่าเป็นลบ ไม่มีปัญหา แต่หากผลตรวจเป็นบวก อาจจะมีการตรวจซ้ำและส่งต่อรักษาตามระบบ
สำหรับ การเข้าถึงการตรวจผู้ติดเชื้อ ควบคู่กับ Home Isolation และ Community Isolation เป็นการกักตัวผู้ป่วยสีเขียวที่บ้าน ซึ่งการกักตัวแบบ Home Isolation จะลดกฎเกณฑ์ลงจากการกักตัวคนเดียว เป็นการกักตัวแบบครอบครัว ขณะนี้ กำลังเร่งทำระบบ เน้นหนักแนวทางนี้ให้มากขึ้น ขณะที่ กรมการแพทย์กำลังพัฒนา ที่จะส่งผู้ป่วยที่แอดมิท ในวันที่ 10 เดินทางกลับไปกักตัวที่บ้าน เพื่อที่จะลดจำนวนผู้ป่วยและสำรองเตียงให้ผู้ป่วยอาการหนัก นอกจากนี้ เน้นมาตรการส่วนบุคคลขอให้เข้มงวด เป็นลักษณะบับเบิบแอนด์ซีลตัวเอง เพราะการติดเชื้อในรอบนี้ เป็นการติดที่บ้าน ที่ทำงาน เป็นการกระจายเชื้อ ไม่เหมือนเดิมที่เป็นคลัสเตอร์
นอกจากนี้ ต้องเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยง กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป หากทำได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ จะฉีดได้ประมาณ 1,000,000 โดส มากกว่าร้อยละ 50 ทำให้สิ้นเดือนนี้ น่าจะได้ร้อยละ 60 ใกล้เป้าหมายที่สุด
ล่าสุดมีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เรียกประชุมด่วนศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด- 19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ผ่านระบบ Video Conference เพื่อประเมินสถานการณ์ และคาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องล็อคดาวน์ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 13 ก.ค ทันที โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่าจะมีการพิจารณาในส่วนของห้างสรรพสินค้าที่อาจจะขอความร่วมมือให้ปิดบริการระยะหนึ่ง
ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบตามปกติ เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงเดินทางมาเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ที่ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันไป