เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 8 ก.ค. ได้แก่ กทม.2,212 ราย สมุทรปราการ 565 ราย สมุทรสาคร 517 ราย ชลบุรี 290 ราย ปทุมธานี 229 ราย สงขลา 213 ราย นนทบุรี 180 ราย ปัตตานี 175 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 150 ราย ยะลา 146 ราย ขณะที่ในพื้นที่กทม.มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง 121 คลัสเตอร์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาจเป็นห่วงภาพคนรอการตรวจหาเชื้อ เนื่องจากทราบคนใกล้ชิดติดโควิด ศบค.ไม่นิ่งนอนใจ จะเร่งเปิดจุดตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม โดยวันนี้มีการเปิดที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง จะเริ่มตรวจได้ในวันที่ 9 ก.ค. ขณะที่วันที่ 12 ก.ค.จะเปิดอีกสองจุดคือ สนามกีฬาธูปเตมีย์ และสนามกีฬาหัวหมาก หากพบผู้ติดเชื้อจะนำเข้ากระบวนการรักษา แต่หากไม่ติดเชื้อเร่งระดมฉีดวัคซีนให้มากขึ้น และนอกจากเปิดศูนย์ตรวจหาเชื้อแบบวอล์คอินที่กล่าวมาแล้วจะมีการเปิดเพิ่มเติมให้ได้ 6 จุด ตามกลุ่มเขตทั่วกทม.ด้วย ขณะที่มาตรการตรวจเชิงรุกในชุมชนก็ยังมีอยู่ ส่วนแล็บตรวจของเอกชนที่ผ่านมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็จะเปิดให้ตรวจด้วยเช่นกัน และต้องยอมรับว่าเมื่อเปิดจุดตรวจมากขึ้น เราก็ต้องพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น พญ.อภิสมัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมศปก.ศบค.ยังได้เร่งรัดมาตรการระบบแยกกักตัวรักษาอยู่บ้าน และศูนย์พักคอยในชุมชนเพื่อรอส่งเข้ารักษา โดยการกักตัวที่บ้านนั้นขณะนี้มีการดำเนินการบ้างแล้ว ซึ่ง 1-2 วันจะเข้าสู่ระบบอย่างจริงจัง ขณะที่ศูนย์พักคอยนั้น จะดำเนินการโดยศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) ร่วมกับคลินิกอบอุ่น รวม 200 กว่าแห่ง ทั้งนี้ ที่เราต้องเร่งดำเนินการคือต้องการให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบโดยเร็วที่สุด จากเดิมโรงพยาบาลสนามต้องมีมาตรฐาน แต่ตอนนี้ พูดกันว่าให้อยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ อาจจะลดการสะดวกสบายลงไป แต่เน้นย้ำที่ความปลอดภัย เพราะเราไม่ต้องการให้ประชาชนที่ติดเชื้อเดินทางข้ามเขต โดยสองส่วนนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเริ่มมีอาการอยู่ในระดับเขียวเข้มก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ ที่ประชุมศปก.ศบค.มีการหารือถึงกรณีแคมป์คนงานก่อสร้างที่ปิดอยู่ว่าหากมีตัวเลขที่ลดลงอาจมีมาตรการผ่อนคลาย และจะต้องระดมฉีดวัคซีน โดย ศปก.ศบค.จะประสานขอรับการสนับสนุนการฉีดวัคซีนในพื้นที่กทม.และปริมณทลเพิ่มเติม ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขรับปากว่าจะจัดสรรวัคซีนให้กทม.และปริมณฑล รวมถึงจะเพิ่มขีดความสามารถในจุดฉีดวัคซีนให้สามารถฉีดวัคซีนที่ได้รับมาในระยะเวลาที่เร็วขึ้นกว่าเดิม พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การที่มีผู้ป่วยจากกทม.และปริมณฑลเดินทางข้ามพื้นที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีการกระจายเชื้อไปทั่วประเทศ ทำให้วันนี้มีรายงานการพบผู้ป่วยรายใหม่ในทุกจังหวัด และพบผู้ติดเชื้อที่มีประวัติการเดินทางจากกทม.และปริมณฑล กระจายไปถึง 54 จังหวัด และยังเป็นห่วงว่าผู้กลุ่มที่เดินทางกลับไปจังหวัดสีเหลืองที่ร้านอาหารยังเปิดอยู่ อาจมีการสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูง ดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ติดเชื้อที่มีประวัติการเดินทางจากกทมและปริมณฑล ตรวจพบในจังหวัดต่างๆเพิ่มขึ้น เช่นจังหวัดภาคอีสาน จากเดิมมีร้อยกว่าราย วันนี้สูงถึง 841 ราย ดังนั้นขอว่าใครที่เดินทางกลับจากพื้นที่สีแดงขอให้กักตัว 100 เปอร์เซ็นต์