ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 8 กค. 2564 สถานการณ์โควิด19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยังคงปรากฏผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากขึ้น ทำให้ประชาชนมีความกังวลสถานการณ์โควิดจะนิ่งรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจังหวัดก็ได้ออกมาตรการป้องกันการยับยั้งการแพร่เชื้อมาโดยตลาด แต่เชื้อก็ยังควบคุมไม่ได้ หลายอำเภอก็เริ่มทยอยปิดหมู่บ้านมากขึ้น ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีที่พบการแพร่ระบาดสูง มาจากหลายคลัสเตอร์ ขยายเข้าชุมชน และครอบครัว โดยวานนี้คณะกรรมการคุมคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 ได้เห็นขอบให้มีการปิดพื้นที่เสี่ยงเขตชุมชนจือแรนิบง ถนนสามัคคีสาย ก. ตำบลสะบารัง เทศบาลเมืองปัตตานี จำนวน 27 หลังคาเรือน
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 กค. 2564 นายนิอันวา สุไลมาน นายกเทศบาลเมืองปัตตานี พร้อมด้วยคณะบริหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ วางแผน เพื่อปักธงแดงไว้หน้าซอย นำแผงกันและเชือกไปคาดไว้หน้าบ้าน ของกลุ่มที่มีความเสี่ยง และกลุ่มติดเชื้อ จำนวน 27 ครัวเรือนเนื่องจากกลุ่มเหล่านี้มักไม่แสดงอาการ พร้อมได้สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งทุกคนเข้าใจต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19
อย่างไรก็ตามพื้นที่เขตเทศบาลเมืองปัตตานี อีกหลายชุมชนยังคงหน้าเป็นห่วง และจังหวัดได้เตรียมแผนที่จะปิดชุมชนอีกหลายชุมชน เพื่อยับยั้งการแพร่เชื้อวงกว้าง ผู้สื่อรายวานอีกว่าสถานการณ์โควิด 19 ในจังหวัดปัตตานีล่าสุด มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 174 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,682 ราย หายป่วยแล้ว 1,774 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมาอีก 4 ราย สะสม 28 ราย และชุมชนหรือหมู่บ้านในเขตเทศบาลเมืองที่มีการติดเชื้อทั้งหมดรวมแล้วกว่า 400 กว่าราย
นายนิอันวา สุไลมาน นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โควิด 19 ในปัตตานีรอบนี้กลัวว่าจะเป็นสายพันธุ์เดลต้า เบต้า ที่ระบาดหนักทั่วประเทศอยู่ขณะนี้ ซึ่งระยะการกักตัวไม่ใช่ 14 วัน แต่ต้องเพิ่มเป็น 30-32 วัน เพราะฉะนั้นตอนนี้เราต้องปิดบ้านในชุมชนแต่ละหลัง เพราะในชุมชนอยู่ในเขตเมืองและเกี่ยวข้องทั้งเศรษฐกิจ การเป็นอยู่เดิม มันเกี่ยวข้องหมดทุกอย่าง ซึ่งชุมชนจือแรนิบงแห่งนี้มีประชากรทั้งหมดรวม 6000 กว่าคน ประชากรที่มาเช่าบ้านอยู่อีกประมาน 1500 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก ซึ่งกลัวว่าหากปิดแค่ชุมชนเชื้ออาจจะแพร่ได้ เลยคิดวิธีควบคุมแบบบ้านหลังต่อหลัง แล้วขึงเชือกปิดบ้านหลังนั้น ปักธงแดงหน้าซอยให้เห็นว่าในซอยแห่งนี้มีคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อต้องระมัดระวัง ซึ่งชาวบ้านในชุมชนก็เข้าใจในการทำแบบนี้ และบ้านแต่ละหลังมีการกักตัวไม่เท่ากัน ซึ่งหากบ้านหลังไหนถึงเวลากักคัวครบ ก็จะเอาที่กั้นออก หากวิธีนี้สำเร็จ เชื่อว่าในเขตเทศบาลเมืองเราจะสามารถควบคุมโรคได้ ส่วนจะล็อคดาวน์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการจังหวัด
