สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำจังหวัดกระบี่ ร่วมกับคณะทำงานตรวจสอบสัญญาธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและคณะทำงานตรวจสอบฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก นำโดยนางสาวโชติชนิต เครือจันทร์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด (สคช.) ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้ว ตามแผนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำจังหวัดกระบี่
เพื่อติดตามสอดส่องผู้ประกอบธุรกิจไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภคและเพื่อให้การกำกับดูแลธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้ว ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2550 ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 35 (พ.ศ.2556) เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก และประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2562 ในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ จำนวน 6 แห่ง ผลปรากฏว่า ผู้ประกอบธุรกิจมีการจัดทำฉลากสินค้า แต่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ไม่ครบถ้วนตามประกาศฯ ในส่วนของการจัดทำหลักฐานการเงินและสัญญาคณะทำงานได้ให้คำแนะนำและตักเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
นางสมถวิล สันติธรรมกุล เจ้าหน้าที่งานสืบสวนสอบสวน สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ทาง สคบ.กระบี่ ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่าถูกเต็นท์รถมือสองเอาเปรียบ ไม่ติดรายละเอียด รวมถึงราคาขาย ของรถให้ครบถ้วน จึงได้ลงพื้นตรวจสอบร่วมกับคณะทำงานตรวจสอบสัญญาธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและคณะทำงานตรวจสอบฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก ในพื้นที่ อ.เมือง จำนวน 6 แห่ง พบว่าเต็นท์รถบางแห่ง มีการติดฉลากรายละเอียดไม่ครบถ้วน เบื้องต้นได้มีการกล่าวตักเตือน หลังจากนี้จะลงพื้นที่อีกครั้ง หากยังไม่ปฎิบัติตามคำแนะนำ ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจต้องทำฉลากสินค้าอย่างละเอียด ทั้งวันจดทะเบียน ได้เลขทะเบียน ตัวรถ เครื่องยนต์ ยี่ห้อ สี ประเภท รถ ตลอดจนชื่อที่อยู่ผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจรายใดละเลย หรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ