วันที่ 7 ก.ค.64 จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากเทศบาลเมืองประจวบฯมีปัญหาการนำขยะวันละ 45 ตัน จ้างบริษัทเอกชนเดือนละ 1.5 ล้านบาท ไปบำบัดที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ต่อมามีการร้องเรียนถึง สำนักงาน ป.ป.ช. จากนั้นได้ติดตามการแก้ไขปัญหา ทราบจากชาวบ้านใกล้ชุมชนชุกกะรุม ว่า ขณะนี้เทศบาลเมืองฯได้นำขยะจำนวนไปกองทิ้ง หลังจากขอเช่าที่ดินจากเอกชนรายหนึ่ง พื้นที่กว่า 400 ไร่ ใกล้ทางรถไฟสายใต้ ในพื้นที่ที่อ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ ห่างจากศาลากลางจังหวัด 500 เมตร โดยจะใช้พื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว 1 เดือน ก่อนนำขยะออกจากพื้นที่เพื่อป้องกันปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
มีรายงานว่า ตัวแทนสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ฝ่ายค้านรายหนึ่ง ระบุว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัด ที่ดินจังหวัดเข้าตรวจสอบพิกัดแนวเขตที่ดินที่ขอเช่า และยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมสอบถามผู้บริหารระดับจังหวัด ขอทราบว่าแนวเขตที่ดินดังกล่าวล้อมรอบด้วยแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองบางนางรม พื้นที่ 1,073 ไร่ หรือไม่ หรืออยู่ในระหว่างการเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ตามมติ กบร.จังหวัดหรือไม่ และทราบว่าในอดีตมีการนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปจำนองไว้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง หากผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯต้องการทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ใช้งบให้มีประมาณให้คุ้มค่า ควรนำสัญญาเช่าที่ดินออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะและต้องมีแนวทางป้องกันไม่ให้น้ำเสียจากรถบรรทุกขยะส่งกลิ่นเหม็นกระทบชาวบ้านในเส้นทางที่บรรทุกขยะวิ่งผ่านชุมชนเมือง
นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลได้เร่งหาพื้นที่กำจัดขยะแห่งใหม่ภายหลังจากที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ไม่อนุญาตใช้บ่อบำบัดขยะในพื้นที่ของศูนย์การทหารราบตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะ ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ในระหว่างนี้ทางเทศบาลจำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเก็บขนขยะในชุมชนต่างๆ วันละกว่า 170 ตัน ไปกองทิ้งไว้ชั่วคราวในพื้นที่สาธารณะซอยหัวหิน 102 บริเวณเส้นทาง 11 โค้ง เนื้อที่ 8 ไร่ พร้อมแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นด้วยการฉีดพ่นน้ำยาอีเอ็ม และใช้น้ำยานาโน ไฮบริด มีความเข้มข้นสามารถดับกลิ่นได้ดียิ่งขึ้นมาใช้ร่วมด้วย โดยฉีดพ่นกองขยะตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็นของทุกวัน
“ ขอให้ประชาชนใช้วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นโอกาสในการร่วมมือกันคัดแยกขยะในครัวเรือนเพื่อลดปริมาณขยะตกค้างสะสมในชุมชนและลดภาระงบประมาณของเทศบาลในการกำจัดขยะซึ่งสูงถึงปีละ 80 ล้านบาท และอาจจะเพิ่มมากขึ้นเกินกว่า 100 ล้านบาทในอนาคตจากการขยายตัวของชุมชนและการเติบโตด้านการท่องเที่ยว” นายนพพร กล่าว