เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 กรกฏาคม ที่ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซอยรามคำแหง39 ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และรศ.ดร.สุเพชร จิรขจรกุล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดประชุมด่วนร่วมกับวิศวกรอาสาเตรียมลงพื้นที่ช่วยตรวจสอบบ้านเรือนประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดจากไฟไหม้ โรงงานในจ.สมุทรปราการ ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เบื้อนต้นได้เตรียมวิศวกรอาสาไว้ 8 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 5 คน ภายใต้” โครงการ วิศวกรอาสาพาประชาชนกลับบ้าน “ซึ่จะมีวิศวกรหลากหลายสาขา เพื่อเข้าไปตรวจสุขภาพของบ้าน เพื่อให้ประชาชนอย่างน้อยที่สุดจะได้เชื่อมั่นว่ามีการตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างแล้ว ซึ่งในเบื้องต้อนมีผู้ประสงค์จะให้เข้าไปตรวจสอบปรัมาณ 167 หลังคาเรือน ซึ่งรูปแบบการเข้าตรวจจะมีการแบ่งโซนในการตรวจ และมีการตรวจวัดสภาพอากาศเพื่อความปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ในภาวะการระบาดโควิด เราจะไม่เอาคนเข้าไปเยอะ ในกลุ่มทั้ง 5 คนจะดูและ 5-10 หลัง ต่อวัน ในขณะเดียวกันจะมีการเก็บตำแหน่งจีพีเอส เพื่อให้ทราบว่าโซนไหนมีความเสียหายมากน้อยเพียงใดซึ่งจะยึดตามที่ทางภาครัฐกำหนดเบื้องต้นไว้ก่อน ซึ่งจะใช้หลักการเดียวกับการตรวจความเสียหายบ้านเรือนในกรณีที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว หรือน้ำท่วม แต่ความเสียหายแบบนี้อาจจะแตกต่างออกไปบ้างเช่นแรงกระแทกจากแรงอัดการระเบิด รวมถึงจากความร้อน และสารเคมี เราคงไม่ได้มองแค่การมองด้วยตาเปล่า ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ในการจรวจเชิงลึกไปถึงโครงสร้างภายในด้วย ในส่วนที่มีการประกาศให้ประชาชนกลับเข้าไปในพื้นที่ได้แล้วนั้น มุมมอของวิศวกรรมสถานเองถ้าไม่เข้าไปในบ้านก็คงไม่เป็นไร แต่ที่สำคัญการเดินไปในบริเวณที่มีปัญหาทางสภาพอากาศ รวมถึงน้ำ ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ซึ่งก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง แต่ทางวิศวะกรรสถานมีหน้าที่เพียงตรวจโครงสร้างเป็นหลัง ส่วนการขอให้รื้อถอนโครงสร้างที่มีการประสานเข่ามานั่นทางวิศวกรรมสถานยินดีที่จะเข้าให้การช่วยเหลือ แต่คงต้องรอให้มีการกำจัดสารพิษที่อยู่ในพื้นที่ออกหมดไปก่อนซึ่งขึ้นอยู่กีบหน่วยงานภาครัฐที่ต้องดูแล โดยส่วนตัวเกี่ยวกับผังเมืองการก่อสร้างโรงงานหรือการเก็บสารเคมีใกล้ชุมชน เข้าใจว่าในอดีตอาจจะก่อสร้างในพื้นที่ห่างใกล้แต่พอนานปีเข้าความเจริญก็ขยายตัวเข้ามาใกล้ตัวโรงงาน ท้ายที่สุดคาดว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการในการก่อสร้างต่อไป