เมื่อวันที่ 7 ก.ค. เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ร่วมกับสมาคมวิชาชีพภาพยนตร์และดิจิทัลมีเดีย และสมาคมภาพยนตร์อิสระไทย นำโดยนายอนุชา บุญยวรรธนะ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด–19,คณะกมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และพรรคก้าวไกล โดยนายอนุชา กล่าวว่า จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบวิชาชีพภาพยนตร์ และธุรกิจกองถ่าย จึงขอเรียกร้อง ดังนี้ 1.อนุญาตให้ธุรกิจกองถ่ายปฏิบัติงานได้ตามข้อกำหนดของศบค. โดยมีทีมงาน 50 คน และให้สำนักงานเขต และอำเภอ พิจารณาอนุญาตถ่ายทำ โดยใช้ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของทีมงานทุกคนภายในระยะเวลา 72 ชม. 2.ขอให้ภาครัฐส่งหนังสือเวียนแจ้งถึงข้อกำหนดนี้ให้ศาลากลางจังหวัด สำนักงานเขต และที่ว่าการอำเภอทุกจังหวัด เพื่อให้ทราบว่าธุรกิจกองถ่ายเป็นธุรกิจที่ได้รับการผ่อนปรนภายใต้มาตรการควบคุมโรคดังกล่าว 3.ขอให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนให้กับบุคลากรในธุรกิจภาพยนตร์และสื่อวิดีทัศน์ ที่อยู่นอกเหนือจาก ม.33 โดยทางสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยจะเป็นผู้รวบรวมรายชื่อ 4.หากทางภาครัฐต้องการปรับเปลี่ยนมาตรการกองถ่าย เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ขอให้มีมาตรการที่เหมาะสมชัดเจน โดยมีตัวแทนสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และตัวแทนผู้ประกอบการอื่นเข้าร่วมด้วย และ5.ขอให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ประกอบกิจการกองถ่ายภาพยนตร์และวิดีทัศน์ และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน ด้านนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า พวกเราคนทำงานภาพยนตร์ และกองถ่าย มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยทุกวันนี้พวกเราตรวจหาเชื้อเยอะขึ้นเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นการออกค่าใช้จ่ายเองในราคาแพง ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่ค่าใช้จ่ายในการตรวจจะถูกลง ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า พรรคพร้อมช่วยผลักดันข้อเรียกร้องที่เสนอมา เนื่องจากเห็นถึงความจำเป็นของผู้ประกอบการธุรกิจกองถ่ายและภาพยนตร์ ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม