ควบคุมเพลิงไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ได้แล้ว! ใช้เวลานานกว่า 24 ชม. ด้าน"ผจก.โรงงาน"ย่องเข้ามอบตัว เล่านาทีระทึกก่อนเกิดเหตุพบมีสารเคมีรั่วไหลจนเกิดไฟไหม้ ก่อนอพยพคนงานหนีตาย "นายกฯ"สั่งสำรวจความเสียหายหวั่นกระทบสุขภาพประชาชนพร้อมเยียวยาทีมฮีโร่ ขณะที่"ร.10"ทรงรับเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้วไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
จากกรณีเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก และเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีผู้ได้บาดเจ็บเป็นชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง 31 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิด เมื่อเวลา 02.50 น. ของวันที่วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 6 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเหตุไฟไหม้ภายในโรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล ไว้ได้ โดยใช้เวลาทั้งหมดนานกว่า 24 ชั่วโมง แต่ยังคงฉีดน้ำเลี้ยงให้อุณหภูมิลดลง โดยบริเวณด้านในของโรงงานยังเหลือไฟอีกนิดหน่อย รถดับเพลิงระดมเข้าไปและฉีดน้ำอย่างต่อเนื่อง
โดย พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงาน จนถึงขณะนี้เพลิงได้สงบลงแล้ว แต่ยังมีการปะทุเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่ฯ สามารถควบคุมจุดเกิดหตุได้แล้ว ทั้งนี้ ตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถปิดวาล์วถังสารเคมี ได้เป็นผลสำเร็จ และสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในช่วงเช้า แต่ยังคงมีสารเคมีบางส่วนที่หลงเหลือจากการรั่วไหล เกิดการปะทุและลุกไหม้ เป็นระยะๆ โดยเจ้าหน้าที่ฯ สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้ว คาดว่า จะไม่เกิดการปะทุรุนแรงขึ้นมาอีก
"สำหรับการดำเนินคดีนั้น ต้องดูจากพยานหลักฐาน หากสอบสวนพบว่า เกิดจากการประมาท ก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญา หากเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ต้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง เบื้องต้นได้สอบสวนผู้เกี่ยวข้องแล้วบางส่วน ทั้งผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการฝ่ายขาย พนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยทราบมาว่า ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในโรงงาน 9 คน รวมทั้งตัวผู้จัดการ ก่อนที่จะมีผู้เห็นประกายไฟ จึงพากันหนีออกมา และเกิดการระเบิดไฟไหม้" พล.ต.ต.ชุมพล กล่าว
รายงานแจ้งว่า ภายหลังเกิดเหตุ ได้มีชายวัย 54 ปี ลักษณะเป็นชาวจีน ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับให้รายละเอียดที่เกิดขึ้นโดยมีการระบุว่า ช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. ขณะพักผ่อนอยู่ในบริเวณโรงงาน รับแจ้งจากคนงาน ว่ามีสารเคมีรั่วไหล และมีกลิ่นรุนแรงมาก จากนั้นจึงมีไฟลุกไหม้ ดังนั้น จึงได้รีบอพยพออกมาจากโรงงาน และมีการระเบิดตามมา
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ เพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่ที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียงจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด พร้อมกล่าวว่า หากมองด้วยตาเปล่า พื้นที่รัศมี 2 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุถือว่า มีอากาศใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดเหตุมากแล้ว ที่ยังน่าเป็นห่วงคือ ยังพบว่า สารสไตรีน และฟอร์มาดิไฮด์ ในรัศมี 2 กิโลเมตร ยังสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ อย่างไรก็ตาม ถือว่าอากาศเป็นใจท้องฟ้าโปร่ง อากาศน่าจะกลับสู่สภาพปกติในเร็วๆนี้ แต่ขออย่าให้ฝนตก เพราะหากฝนตกการจัดการต่างๆจะยากมากขึ้น เพราะฝนจะชะสารพิษที่ตกค้างลงสู่แหล่งน้ำและพื้นดินได้ แต่วางใจอย่างคือ ชาวบ้านในบริเวณนี้ไม่ได้บริโภคน้ำฝน ส่วนใหญ่จะใช้น้ำประปามากกว่า
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุว่า "สถานการณ์ล่าสุดเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ เราสามารถควบคุมการลุกไหม้ของเพลิงได้ที่ต้นตอได้ก่อนเที่ยงคืนเมื่อวาน ทั้งนี้สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการที่จะเข้าถึงคือ เป็นเพลิงที่เกิดจากสารเคมี (สารสไตรีนโมโนเมอร์และสารพอลิสไตรีน) ซึ่งเป็นของเหลวไวไฟสูง
"แม้จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่งานของเรายังไม่จบ ผมได้สั่งการให้มีการสำรวจและจำกัดความเสียหายในเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะตามมา เช่น การตรวจสภาพปนเปื้อนในดิน น้ำ น้ำใต้ดิน แม่น้ำ แหล่งน้ำ น้ำประปา และอากาศในพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นอกจากนี้ยังต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะทีมฮีโร่เจ้าหน้าที่ผู้กล้าหาญเข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อควบคุมเหตุ ที่มีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่ทางรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด รวมทั้งผู้บาดเจ็บและได้รับความเสียหายอื่นๆ รวมถึงการสอบสวนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคตด้วย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และเชิญพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพวงมาลาของเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ไปวางหน้าหีบศพ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธุ์ อายุ 19 ปี หรือ พอส เจ้าหน้าที่อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุเพลิงไหม้เพลิงไหม้ภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ณ วัดทุ่งครุ ศาลา 5 ซอยประชาอุทิศ 48 ถนนทุ่งครุ แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ พร้อมทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบแด่ผู้บาดเจ็บ ทุกรายตามโรงพยาบาลต่าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์สำหรับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามจุดต่างๆ พระราชทานถุงยังชีพและสิ่งของใช้จำเป็นขั้นพื้นฐาน อาทิ น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม เครื่องนอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน พระราชทานเจลแอลกอฮอล์ พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย เพื่อตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)เชิงรุก แก่ผู้ประสบเหตุทุกรายการได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้นำมาซึ่งความปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหาที่สุดมิได้