วันที่ 6 กรกฏาคม 2564 เวลา 13.30 น.ที่ว่าการอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอผักไห่ ได้มอบหมายให้ ฝ่ายบริหารงานทะเบียนและบัตรฯ ดำเนินการจัดทำบัตรประชาชนให้กับ นายสายชล ยองใย อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/2 ม.6 ต.จักราช อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งขอมีบัตรครั้งแรก กรณีการเพิ่มชื่อตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ.2535 ข้อ 97 บุคคลอ้างว่าเป็นคนสัญชาติไทยขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) โดยไม่มีหลักฐานเอกสารมาแสดง ซึ่งนายทะเบียนอำเภอ ได้พิจารณาอนุมัติในกรณีดังกล่าว ตามนโยบายของกรมการปกครอง โครงการอำเภอสร้างสุข ให้ประชาชน "ทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น"
ทั้งนี้นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอผักไห่ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา นายสมชาติ จริตธรรม กำนันตำบลจักราช นางจารุนันท์ ชาดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.จักราช ขอเข้าพบนายอำเภอที่ห้องทำงานภายในที่ว่าการอำเภอผักไห่ โดยได้นำนายสายชล ยองใย เข้าพบด้วย แล้วเล่าว่าตนเองเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ แม่ตายตั้งแต่ตัวเองอายุ 4 ขวบ แล้วพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ ไม่สนใจลูกๆ ตนจึงหนีเข้ามาทำงานกรุงเทพตั้งแต่อายุ 10 ปี มาทำงานรับจ้างที่สมุทรปราการ จนเกิดชอบพอกับนางรักเพลิน พวงพิกุล ภรรยาของตนเองแล้วตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน โดยมาอยู่ที่บ้านเลขที่109/2 ม.6 ต.จักราช อ.ผักไห่ จ.อยุธยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 จนมีลูกด้วยกัน 2 คน เติบโตหมดแล้ว แจ้งเกิดมีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายถูกต้องหมดแล้ว
ส่วนตนเองได้พยายามมาติดต่อหลายครั้งแล้วกับทางอำเภอผักไห่แต่ก็ผิดหวังเพราะเขาให้กลับไปแจ้งที่อำเภอประโคนชัย ที่ๆตนเองเกิด ซึ่งตอนนี้ตนเองไปไม่ถูกแล้ว พ่อแม่พี่น้องตายหมด คั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ไม่เคยกลับบ้านอีกเลย พอตัวเองไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก กลัวแต่เจ้าหน้าที่จับกุม จะหาว่าเป็นคนต่างด้าว เวลาเจ็บป่วยก็หาซื้อยากินเองไม่กล้าไปหาหมอ เพราะไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นรักษาฟรีแต่อย่างใด
การที่ตัวเองได้บัตรประจำตัวประชาชนในครั้งนี้ดีใจมากสุดๆ รวมทั้งภรรยาและลูกๆก็ดีใจร่วมด้วย ตนเองขอกราบขอบพระคุณนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอผักไห่ ที่ทำให้ตัวเองเหมือนได้เกิดใหม่ นอกจากนั่นต้องขอบคุณนางจารุนันท์ ชาดิษฐ์ ผญบ.ม.6 ต.จักราช นายสมชาติ จริตธรรม กำนันตำบลจักราช ที่ช่วยวิ่งเต้นเป็นธุระให้แล้วเสร็จ นอกจากนั้นยังมีพยานอีกหลายคน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอผักไห่ด้วย
ทั้งนี้นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอผักไห่ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา นายสมชาติ จริตธรรม กำนันตำบลจักราช นางจารุนันท์ ชาดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.จักราช ขอเข้าพบนายอำเภอที่ห้องทำงานภายในที่ว่าการอำเภอผักไห่ โดยได้นำนายสายชล ยองใย เข้าพบด้วย แล้วเล่าว่าตนเองเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ แม่ตายตั้งแต่ตัวเองอายุ 4 ขวบ แล้วพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ ไม่สนใจลูกๆ ตนจึงหนีเข้ามาทำงานกรุงเทพตั้งแต่อายุ 10 ปี มาทำงานรับจ้างที่สมุทรปราการ จนเกิดชอบพอกับนางรักเพลิน พวงพิกุล ภรรยาของตนเองแล้วตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน โดยมาอยู่ที่บ้านเลขที่109/2 ม.6 ต.จักราช อ.ผักไห่ จ.อยุธยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 จนมีลูกด้วยกัน 2 คน เติบโตหมดแล้ว แจ้งเกิดมีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายถูกต้องหมดแล้ว
ส่วนตนเองได้พยายามมาติดต่อหลายครั้งแล้วกับทางอำเภอผักไห่แต่ก็ผิดหวังเพราะเขาให้กลับไปแจ้งที่อำเภอประโคนชัย ที่ๆตนเองเกิด ซึ่งตอนนี้ตนเองไปไม่ถูกแล้ว พ่อแม่พี่น้องตายหมด คั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ไม่เคยกลับบ้านอีกเลย พอตัวเองไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก กลัวแต่เจ้าหน้าที่จับกุม จะหาว่าเป็นคนต่างด้าว เวลาเจ็บป่วยก็หาซื้อยากินเองไม่กล้าไปหาหมอ เพราะไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่มีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นรักษาฟรีแต่อย่างใด
การที่ตัวเองได้บัตรประจำตัวประชาชนในครั้งนี้ดีใจมากสุดๆ รวมทั้งภรรยาและลูกๆก็ดีใจร่วมด้วย ตนเองขอกราบขอบพระคุณนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอผักไห่ ที่ทำให้ตัวเองเหมือนได้เกิดใหม่ นอกจากนั่นต้องขอบคุณนางจารุนันท์ ชาดิษฐ์ ผญบ.ม.6 ต.จักราช นายสมชาติ จริตธรรม กำนันตำบลจักราช ที่ช่วยวิ่งเต้นเป็นธุระให้แล้วเสร็จ นอกจากนั้นยังมีพยานอีกหลายคน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอผักไห่ด้วย