วันนี้ ( 6 ก.ค.) ที่ ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.2884/2562 ที่พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พิมพ์นรี โหตะไวทยกร เจ้าของร้านเพชร และ น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดาราและพิธีกรสาว เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่ น.ส.พิมพ์นรี โหตะไวทยากร หรือ ไฮโซบี เจ้าของร้านเพชรจารุเพชรรังสรรค์ ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์หลายสิบคน มาบุกบ้าน ซึ่งตอนนั้นตนไม่อยู่บ้าน แม่บ้านจึงเปิดบ้านให้ จากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าว ก็เปลี่ยนลูกกุญแจบ้านทั้งหมด จนตนเองและน้องสาวเข้าบ้านไม่ได้ และกลายเป็นประเด็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์บ้านหรูกว่า 40 ล้าน กับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2562 น.ส.ปนัดดา จำเลยที่ 2 พิธีกรรายการ "สุดจัดปนัดดา" ออกอากาศทางอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ในฐานะเจ้าของรายการและทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการ สัมภาษณ์เปิดใจสัมภาษณ์ ไฮโซบี หรือ น.ส.พิมพ์นรี ถึงประเด็นที่เกิดพิพาทกรรมสิทธิ์บ้านหรู 40 ล้านบาท คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2563 ให้ยกฟ้อง เนื่องการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่มีมูลความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วย พิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วอนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2562 โจทก์พร้อมด้วยกลุ่มชายฉกรรจก์คล้ายตำรวจ หรือ ทหาร หลายคนเข้าไปในบ้านพักดังกล่าวที่ จ.นนทบุรี ซึ่งจำเลยที่ 1 ครอบครองอยู่ในขณะเกิดเหตุ ถึงแม้โจทก์จะอ้างว่า การเข้าไปดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดนนทบุรี ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ที่โจทก์และกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนบุกเข้าไปในบ้านพักดังล่าว ขณะที่จำเลยที่ 1 ยังครอบครองอยู่ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ยินยอม จะปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง พ.2336/2562 ของศาลจังหวัดนนทบุรีในส่วนที่ห้ามจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา งดเว้นกระทำการขัดขวางการเข้าไปในที่ดินและบ้านพักดังกล่าว ที่ต้องดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด มิใช่ใช้สิทธิบังคับตามคำพิพากษาด้วยตนเอง โดยพละการตามที่โจทก์อุทธรณ์แต่อย่างใด การที่โจทก์และกลุ่มชายฉกรรจ์ เข้าไปในบ้านพักดังกล่าว ที่จำเลยที่ 1 ครอบครอบอยู่ โดยไม่ยินยอม จึงถือเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองที่ดินและบ้านดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ต่อมาหลังจากเหตุการณ์บุกรุกบ้านพักดังกล่าวและมีการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความเป็นมาของข้อพิพาทและการที่โจทก์และกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพัก ข้อเท็จจริงพาดพิงถึงโจทก์ แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่โจทก์กับพวกได้กระทำขึ้นมาก่อน กรณีจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ด้วยความเป็นธรรม ป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้ส่วนเสียของตนเอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย ทั้งนี้เมื่อศาลชั้นต้น ซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะคดีอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา มีผลเป็นการไม่รับคดีส่วนอาญาไว้พิจารณาแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมไม่มีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณา จึงต้องมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในคดีส่วนแพ่ง กระบวนพิจารณาในคดีส่วนแพ่ง ที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์แล้วเห็นสมควรมีคำสั่งในคดีส่วนแพ่งไปด้วย โดยพิพากษายืนให้ยกฟ้องในคดีอาญาและไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่ง