วันที่ 6 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ระบุว่า “สถานการณ์ล่าสุดเหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ เราสามารถควบคุมการลุกไหม้ของเพลิงได้ที่ต้นตอได้ก่อนเที่ยงคืนเมื่อวาน ทั้งนี้สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการที่จะเข้าถึงคือ เป็นเพลิงที่เกิดจากสารเคมี (สารสไตรีนโมโนเมอร์และสารพอลิสไตรีน) ซึ่งเป็นของเหลวไวไฟสูง
ดังนั้นการต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง และต้องใช้วิธีการโปรยโฟมดับเพลิงจากทางอากาศและระดมฉีดโฟมจากภาคพื้นดินจนสามารถปิดวาล์วถังสารเคมีทั้ง 3 จุดได้ ด้วยความสามารถและการผสานพลังของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการระงับเหตุจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงทีมโดรนของสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ และทีมจิตอาสาโดรน NOVY ในการส่งภาพเหตุการณ์จากทางอากาศได้แบบ Real time ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และความร่วมมือจากหลายๆ หน่วยงานที่ผมได้กล่าวถึงในโพสต์ก่อนหน้านี้ โดยในขณะนี้ เราสามารถดับเพลิงได้แล้ว แต่ยังมีความจำเป็นต้องฉีดโฟมเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการปะทุขึ้นใหม่ และฉีดน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ได้คอยดูแลเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุด
การทำงานครั้งนี้ เราได้พยายามดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ เริ่มจากการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยจังหวัดสมุทรปราการในทันที เพื่อระดมทรัพยากรทั้งปวงจากทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งเครื่องมือขนาดใหญ่-เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง กำลังพลทุกฝ่ายทั้งในการดับเพลิง การอพยพ การรักษาพยาบาล ไปจนถึงการจัดการจราจร เพื่อไม่ให้เกิดการจลาจล เป็นต้น
ส่วนด้านการดูแลพี่น้องประชาชนและแรงงานที่ได้รับผลกระทบหลายพันคน องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนเป็นการด่วน โดยได้จัดหาที่พักพิงชั่วคราว และอาหารที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นโรงครัวพระราชทานสำหรับทุกคนในพื้นที่ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตกลับคืนมาโดยเร็ว
ผมเชื่อว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็คือ ความสามารถของบุคลากร และการระดมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆจำนวนมากเข้าร่วมระงับเหตุได้ โดยรัฐบาลได้ผลักดันและเริ่มดำเนินการแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2558 ทำให้เรามีการฝึกซ้อมในสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับใหญ่ หลากหลายรูปแบบมาแล้วหลายครั้ง และปรับรูปแบบ เพิ่มเติมอุปกรณ์จำเป็น ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย KA-32 ที่นำมาใช้สำหรับภารกิจป้องกันสาธารณภัยโดยเฉพาะ ทำให้เจ้าหน้าที่มีความชำนาญในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกันภายใต้ศูนย์บัญชาการเดียวกันในครั้งนี้
แม้จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่งานของเรายังไม่จบ ผมได้สั่งการให้มีการสำรวจและจำกัดความเสียหายในเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะตามมา เช่น การตรวจสภาพปนเปื้อนในดิน น้ำ น้ำใต้ดิน แม่น้ำ แหล่งน้ำ น้ำประปา และอากาศในพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นอกจากนี้ยังต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะทีมฮีโร่เจ้าหน้าที่ผู้กล้าหาญเข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อควบคุมเหตุ ที่มีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่ทางรัฐบาลจะดูแลอย่างดีที่สุด รวมทั้งผู้บาดเจ็บและได้รับความเสียหายอื่นๆ รวมถึงการสอบสวนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคตด้วย