จากกรณีที่มีสื่อมวลชนเผยแพร่ภาพอาคารศาลาจัตุรมุข ปล่อยให้ทิ้งร้างซึ่งอาคารดังกล่าวใช้เงินก่อสร้างถึง 40 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา ได้ชี้แจงว่า เดิมศาลาดังกล่าวเป็นอาคารไม้เรียกชื่อว่าศาลาไทย และเมื่อปี พ.ศ 2529 ได้ใช้เป็นสถานที่เปิดสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ต่อมาในปี พ.ศ 2549 เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้ให้มหาวิทยาลัยศิลปากร ออกแบบเพื่อก่อสร้างเป็นศาลาจัตุรมุข โดยต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 36 ล้านบาท ซึ่งเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรายังไม่มีงบประมาณก่อสร้าง ต่อมาปี พ.ศ 2551ทางจังหวัดในขณะนั้น ได้ขอแบบไปดำ เนินการ โดยก่อสร้างด้วยเงินจากผู้มีจิตศรัทธาจำนวน ประมาณ13,400,000 บาท (โดยปรับลดเนื้องานลง) ที่ดินของสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ มี 3 ส่วน รวมจำนวน 90 ไร่ ส่วนที่เป็นที่ตั้งของอาคารศาลาจัตุรมุขมีจำนวน 40 ไร่ และบริเวณสวนน้ำ 26 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นสนามกีฬาเพื่อการนันทนาการ โดยมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดให้มีสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 12 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งตามเขตพื้นที่การศึกษา ในส่วนเขตการศึกษาที่ 12 ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา มอบหมายให้เทศบาลเมืองฉะเชิงเทราเป็นผู้ดูแลรักษา เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้ดูแลบำรุงรักษาตั้งแต่ปี พ.ศ 2551 เรื่อยมา เพื่อให้อาคารดังกล่าวใช้เป็นสถานที่ประกอบรัฐพิธีของจังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด กิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยจัดที่ศาลาจัตุรมุข ลดน้อยลง ประกอบกับช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงรอยต่อของการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา และ สท. ทันทีที่ตนได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาบริหาร ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา มาสำรวจอาคารแห่งนี้ทันทีนายก เทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรายังกล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการซ่อม แซม โดยเฉพาะหลังคา ที่รั่วซึม ในช่วงที่มีฝนตก จะแก้ตรงจุดนี้ก่อน โดยคาดว่าน่าจะใช้งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษ และเมื่อซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว เมื่อสถาน การณ์โควิดเริ่มซา อาคารแห่งนี้จะได้กลับมาพร้อมใช้ประกอบรัฐพิธี และกิจกรรมสำคัญ ๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทราต่อไป