วันที่ 3 ก.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล ตึกสันติไมตรี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนนั้นกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้กรมควบคุมโรคเป็นผู้จัดหาวัคซีน โดยตัวแรกที่เราดำเนินการคือ ซิโนแวค ตั้งแต่ปลายปี 2563 และได้เข้ามาช่วงเดือน ก.พ. ช่วงเดียวกับที่แอสตราเซเนกาเข้ามา หลังจากนั้นเราก็มีวัคซีนเข้ามาเรื่อยๆ จนขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 10 ล้านโดส ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย 6 ชนิด ที่อยู่ระหว่างดำเนินการคือวัคซีนไฟเซอร์ ขณะนี้ลงนามในเอกสารไปแล้ว 2 ฉบับ คือเอกสารสัญญาไม่เผยแพร่ข้อมูลของวัคซีน และเอกสารจองวัคซีน เหลือเพียงการเซ็นสัญญาจัดซื้อ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจของสำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวเพื่อจัดเตรียมงบประมาณ แต่เนื่องจากในสัญญาการซื้อวัคซีน 20 ล้านโดสต้องรอบคอบ เงื่อนไขในสัญญาก็เหมือนกับบริษัทวัคซีนต่างๆที่ตั้งเงื่อนไข อาทิ ต้องมีเงินจอง ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า กรณีวัคซีนไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนดต้องไม่เสียค่าปรับ ซึ่งกรณีของไฟเซอร์ตามกำหนดคือไตรมาส 4 ต้องไม่มีค่าปรับ หากนำมาใช้มีผลข้างเคียงรัฐบาลต้องดูแล และคาดว่าสำนักงานอัยการสูงสุด จะสามารถตรวจสัญญาให้เสร็จได้ภายในวันที่ 5 ก.ค. หลายเรื่องเป็นข้อผูกพันต้องให้รัฐบาลเห็นชอบ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีแผนให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 6 ก.ค. หากทุกฝ่ายเห็นชอบก็จะลงนามสั่งซื้อได้ หลังจากนั้นจะเจรจาส่งมอบให้เร็วขึ้น แต่หากมีความคืบหน้าเป็นข่าวดีอย่างไรจะรีบสื่อสารให้ทราบ
อย่างไรก็ตาม เดือนก.ค.ถือว่ามีความสำคัญ จะเป็นจุดเปลี่ยนกับการจัดการโควิด จึงขอความร่วมมือร่วมใจกับทุกภาคส่วน ในการปกป้องไม่ให้เกิดการสูญเสียและแพร่เชื้อเกิดขึ้น การดูแลผู้สูงอายุที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงต้องได้รับความสำคัญในการดูแลสูงสุด ลูกหลานต้องช่วยกันดูแล มาตรการเฝ้าระวังในครัวเรือนต้องเข้มงวด ต้องจูงใจให้ผู้สูงอายุได้รับวัคซีนเร็วในเดือนก.ค.หรือส.ค. หากเรายังหยุดการระบาดทันทีไม่ได้ แต่เริ่มลดการเสียชีวิตได้ด้วยการป้องกันผู้สูงอายุ หวังว่าเดือนนี้หากร่วมมือกันเต็มที่จะยันสถานการณ์ไว้ได้ และน่าจะควบคุมได้