3 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ได้รับรายงานจาก ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.บ้านยาง ว่า มีเหตุยิงกัน ณ บ้านเลขที่ 379/1 ม.1 ต.บ้านยาง เวลา 12.00 น.มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ศพ โดยทราบตัวผู้ก่อเหตุคือนายสายชล พาลีเปรี่ยม อายุ36ปี บ้านโนนมะเยา ม.9 ต.สระโพนทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ(ผู้ยิง)
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมานางวันเพ็ญ เขียนเขว้า อายุ 50 ปี เจ้าบ้าน นายสมศักดิ์ เขียนเขว้า อายุ 50 ปี นางสุนิสา เขียนเขว้า อายุ 30ปี (ลูกสาว) นายอดุล วรรณจงคำ อายุ 30 ปี (ลูกเขย) ในที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ชั้นล่างเป็นปูนเบื้องต้นพบปลอก กระสุนที่บ้านคนตาย 4 ศพ 9 มม. จำนวน 8 ปลอก ภายในบ้านพบสภาพศพทั้ง 4 คนนอนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณภายในบ้าน
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ คือนายสายชล พาลีเปรี่ยม อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 93 ม.9 บ้านโนนมะเยา ต.สระโพนทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ โดยเบื้องต้นได้มีการติดต่อไปทางญาติแต่ก็ยังไม่มีพบ จนมีรายงานว่า พบตัวนายสาชล (มือยิง) ผู้ก่อเหตุหลบหนีมาที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมหลวงปู่สำเร็จรุน บ้านจมื่น ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จึงรุดมาตรวจที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวพบผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว โดยพบว่าที่มือขวาของมือปืนรายนี้ ยังกำปืนสั้น ขนาด 9 มม. ไว้ข้างกายและพบรอยกระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะ เสียชีวิตคาที่
สอบถามไปยังนางปิ่นมณี ลานขามป้อม (อาผู้ยิง)50 ม.5 ต.กุเลอ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุเล่าว่า ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นหลานของตนเอง ซึ่งที่ผ่านมา เคยทำงานอยู่ที่ระยองและเกิดปัญหาเครียดทางด้านครอบครัวจึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านก่อนที่ จะไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช มา 1 ปีกว่า แล้วได้กินยามาตลอด โดยสาเหตุการก่อเหตุ ที่หลานตนเองตัดสินใจก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญฆ่ายกครัว 4 ศพในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากก่อนหน้านี้ได้มีปัญหากันมาอยู่เรื่อยๆ ในเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็มีที่นาอยู่ติดกัน แล้วก็มีปัญหากันเรื่องสูบน้ำเข้านา จนล้นไหลไปท่วมนาหลานและได้ชกต่อยกันมาก็หลายครั้ง จนผู้เสียชีวิตได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี 1 เดือนที่ผ่านมาจนวันนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ. เกษตรสมบูรณ์ ได้เรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุย และตกลงชดเชยค่าสินไหม อีกครั้งในวันนี้ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเข้ามาพูดคุยทางฝ่ายผู้เสียชีวิตได้เรียกร้องขอให้มีการขอขมา ด้วย แต่ทางฝ่ายผู้ยิงไม่ยอมที่จะขอขมา ก็เลยตกลงกันไม่ได้จึงได้แยกย้ายกลับบ้าน ต่อมาคือยิงได้กลับมาบ้านและได้กินข้าวกินยา และได้ออกไปข้างนอกซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าออกไปไหนจนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาหา ถามหาหลานตนเองแต่ก็ไม่ทราบว่าไปไหนชื่อทราบข่าวว่า มายิงตนเองตายเพื่อหนีปัญหา ซึ่งคนยิงซึ่งมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พร้อม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกษตรสมบูรณ์ ลงพื้นที่เกิดเหตุโดยต้องกันพื้นที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายในที่เกิดเหตุ และเร่งดำเนินการเก็บหลักฐานทั้งหมดและจะได้เชิญพยานแวดล้อมมาสอบถามและสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป
สอบถามไปยังนางปิ่นมณี ลานขามป้อม (อาผู้ยิง)50 ม.5 ต.กุเลอ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุเล่าว่า ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นหลานของตนเอง ซึ่งที่ผ่านมา เคยทำงานอยู่ที่ระยองและเกิดปัญหาเครียดทางด้านครอบครัวจึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านก่อนที่ จะไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช มา 1 ปีกว่า แล้วได้กินยามาตลอด โดยสาเหตุการก่อเหตุ ที่หลานตนเองตัดสินใจก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญฆ่ายกครัว 4 ศพในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากก่อนหน้านี้ได้มีปัญหากันมาอยู่เรื่อยๆ ในเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็มีที่นาอยู่ติดกัน แล้วก็มีปัญหากันเรื่องสูบน้ำเข้านา จนล้นไหลไปท่วมนาหลานและได้ชกต่อยกันมาก็หลายครั้ง จนผู้เสียชีวิตได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี 1 เดือนที่ผ่านมาจนวันนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ. เกษตรสมบูรณ์ ได้เรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุย และตกลงชดเชยค่าสินไหม อีกครั้งในวันนี้ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเข้ามาพูดคุยทางฝ่ายผู้เสียชีวิตได้เรียกร้องขอให้มีการขอขมา ด้วย แต่ทางฝ่ายผู้ยิงไม่ยอมที่จะขอขมา ก็เลยตกลงกันไม่ได้จึงได้แยกย้ายกลับบ้าน ต่อมาคือยิงได้กลับมาบ้านและได้กินข้าวกินยา และได้ออกไปข้างนอกซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าออกไปไหนจนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาหา ถามหาหลานตนเองแต่ก็ไม่ทราบว่าไปไหนชื่อทราบข่าวว่า มายิงตนเองตายเพื่อหนีปัญหา ซึ่งคนยิงซึ่งมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พร้อม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกษตรสมบูรณ์ ลงพื้นที่เกิดเหตุโดยต้องกันพื้นที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายในที่เกิดเหตุ และเร่งดำเนินการเก็บหลักฐานทั้งหมดและจะได้เชิญพยานแวดล้อมมาสอบถามและสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งต่อไป