"หมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย" นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู้วิกฤตโควิด-19 ระบาด เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตทางออกของเกษตรกรไทย วันนี้ (2 กรกฎาคม 2564) ณ ศาลาการเปรียญวัดป่าบ้านแมด ต.แมด อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ นายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย เป็นประธานประชุม ตัวแทนประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจังหวัดละ 10 คน ของภาคอีสานใต้ ประกอบด้วย จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมี นางนิตยา นาโล รองประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย หัวหน้าภาคอีสาน นายสุพล หมื่นศรีพรม ประธานเครือข่ายเกษตรกรรักสันติ นายเตชินชัย ผาลีบุตร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแมด และผู้ร่วมประชุมจำนวน 50 คน ที่ดำเนินงานทางด้านการเกษตรผสมผสาน การปศุสัตว์ การประมง และตามแนวทางพระราชดําริเศรษฐกิจพอเพียง "โคกหนองนาโมเดล" ขับเคลื่อนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จาก “ร.9 ถึง ร.10 สู่ผองไทยทั่วแหล่งหล้า สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขปวงประชา” สำหรับ "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางสายกลาง ความไม่ประมาท ไม่ฟุ่มเฟือย คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ตลอดจนการใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต โดยมีใจความสำคัญคือสติ ปัญญา และความเพียร ซึ่งเป็นบันไดสู่ความสุขในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ดังนี้ “…การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…” (18 กรกฎาคม 2517) “…คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐานตั้งปณิธาน ในทางที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด ace333 แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้…” (4 ธันวาคม 2517) จากพระบรมราโชวาทนี้จะเห็นได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเห็นว่าการพัฒนาที่เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลักแต่เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้นให้สร้างความพอมีพอกินในประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน และเมื่อมีพื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควรแล้ว จึงค่อยสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นเป็นลำดับถัดไป จึงเป็นแนวทางที่จะนำให้เกษตรต่อสู่กับวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระบาด.