ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2 กค. 2564 นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้เรียกคณะกรรมการควบคุมโรคโควิด19ของจังหวัดปัตตานีมาประชุมเร่งด่วนหลังจากมียอดผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นถึง237 คน เป็นยอดที่สูงที่สุดเป็นครั้งแรก ยอดสะสม 2,593 คน รักษาหาย1,190 คน เสียชีวิต 12 คน อีกทั้งยังมีกลุ่มเสียงผู้สัมผัสกับกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานต่างๆ มัรกัส และอีกหลายแห่ง ตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงสูง 9,181 คน โดยสรุปว่า สาเหตุที่ยอดผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นยังเป็นกลุ่มที่กลับจากกลุ่มมัรกัสยะลาแต่ไม่มารายงานตัวแต่กลับมาอยู่กับครอบครัวและในชุมชนทำให้กลุ่มแรกติดเชื้อในครอบครัวและญาติพี่น้องและไปสัมผัสกับเพื่อนบ้านในชุมชนทำให้ขยายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางส่วนพบเชื้อแอฟริกา(เบต้า)แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ติดเชื้อสัมผัส ไม่แสดงอาการจึงเข้าใจว่าไม่ติดเชื้อจึงไม่มาหาหมอ ทำให้ขยายมากขึ้น แต่มียอดตายเพิ่มขึ้น ส่วนแนวทางการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยผู้สัมผัสเชื้อติดเพิ่มขึ้น จะต้องใช้วิธีปิดหมู่บ้านเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะย่านชุมชนหนาแน่นและกลุ่มศาสนาที่ชอบเดินทาง โดยคาดว่าจะปิดหมู่บ้านอีกหลายสิบหมู่บ้าน ขณะเดียวกันที่ด่านเกาะหม้อแกง ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ได้มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้า-ออกปัตตานีอย่างเข้มงวด ซึ่งหากจะเดินทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดปัตตานี จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารแสดงตนอื่นๆ ควบคู่กับ เอกสารรับรองความจำเป็น/เอกสารรับรองการปฏิบัติหน้าที่ /เอกสารรับรองการติดต่อราชการ ตามแต่ละกรณี ทั้งนี้ หากไม่มีเอกสารดังกล่าวจะไม่อนุญาตเดินทางเข้า-ออกได้ นอกจากนี้ ผู้เดินทางเข้ามาปัตตานีต้องลงทะเบียนรายงานตัวที่ ด่านเข้าเมือง ทุกคน ทุกคัน (ยกเว้นขับรถผ่านข้ามจังหวัด) หลังจากนั้น จะถูกส่งต่อไปคัดกรองโรค ที่รพสต. หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อพิจารณาว่า ต้องจุ่มโพรงจมูกเพื่อตรวจหาเชื้อหรือไม่ต่อไป และอาจต้องถูกกักตัวหรือไม่