วันที่ 1 ก.ค.64 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...
ความตายเพราะนอนรอเตียง คือสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ว่า ปัญหาเตียงไม่มี หมอไม่พอ ยังเป็นเรื่องด่วนที่รัฐต้องรีบแก้ไข อย่าปล่อยให้เกิดสภาพ “เคยชินกับความตายเพราะรอเตียง” เนื่องจากในขณะนี้คนตายคาบ้านมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคนในชุมชนย่านห้วยขวาง กทม. ไม่ต่ำกว่า 20 คน ขอให้ช่วยหาเตียงให้ ส่วนใหญ่ติดโควิด-19 กันแบบยกครัว เศร้าที่สุด เพิ่งเกิดขึ้นที่ชุมชนร่วมใจพิบูล 2 เขตห้วยขวาง หลังจากคุณแม่ตุ้มทอง ติดโควิดจนเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ต่อมาลูกสาว คือคุณประไพ ติดโควิดนอนรอเตียงจนเสียชีวิตคาบ้านเมื่อวานนี้ ถัดจากคุณแม่ตุ้มทองไปแค่สองวันเท่านั้น เรื่องนี้สะท้อนหลายอย่าง
“กรณีแรกคุณประไพ มีอาการป่วย ปวดเมื่อย เจ็บคอ ท้องเสีย เพราะตัวเองมีความเสี่ยงสูงน่าจะติดเชื้อจากคุณแม่ที่ติดโควิดอยู่ก่อน แต่เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านคลองตันที่ตนมีสิทธิรักษา (บัตรทอง) เจ้าหน้าที่อ้างว่าน้ำยาตรวจโควิดไม่มี และบอกว่าอาการแบบนี้ไม่ใช่โควิดแล้วให้กลับบ้านโดยไม่ได้ตรวจหรือทำอะไรเลย
ต่อมาเมื่อกลับถึงบ้านอีกสองวันอาการเริ่มทรุดหนัก จึงไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม คือน้ำยาตรวจโควิดไม่มี ตรวจให้ไม่ได้ แต่ได้ฉีดยาให้ 1 เข็ม ให้น้ำเกลือ แล้วไล่ให้กลับบ้าน ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยอยู่ในอาการทรุดหนักเดินแทบไม่ได้ และรู้อยู่แล้วว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงเพราะคุณแม่เพิ่งเสียชีวิตเพราะติดโควิด แต่ไม่ยอมตรวจหาเชื้อให้ โดยอ้างว่าน้ำยาหมดถึงสองครั้ง
จึงมีคำถามว่านี่คือวิธีปฏิบัติต่อผู้ป่วยตามหลักการแพทย์ที่ถูกต้องแล้วหรือ เพราะการปล่อยผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงกลับบ้าน ไม่เพียงผู้ป่วยอันตราย คนรอบข้างและสังคมก็ไม่ปลอดภัยด้วย เพราะเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นผู้แพร่เชื้อไปแบบไม่ตั้งใจ กรณีนี้จึงถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโรงพยาบาลอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะหลังกลับจากโรงพยาบาลคุณประไพ อาการยิ่งแย่ลง จนลูกๆ ต้องนำตัวไปตรวจอีกครั้งที่หน่วยบริการตรวจคัดกรองเชิงรุก ผลปรากฏว่าคุณประไพติดเชื้อโควิด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นมานานแล้วเพราะออกอาการในระยะสุดท้ายครบทุกอย่าง แถมมีโรคประจำตัวเบาหวานอยู่ด้วย หลายฝ่ายจึงช่วยกันประสานหาเตียง เพื่อให้ถึงมือหมอ แต่ก็หาเตียงให้ไม่ได้ ไม่มีโรงพยาบาลไหนมารับ นอนรอเตียงจนเสียชีวิตคาบ้าน
นายเชาว์ กล่าวต่อว่า เป็นประเด็นที่หนักหนาสาหัสมากในขณะนี้ หากรัฐบาลยังแก้ปัญหาเตียงเต็มไม่ได้ จนมีผู้ป่วยตายคาบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าท่านจะปล่อยไว้แบบนี้หรือ ท่านมองเห็นความตายของคนเหล่านี้บ้างหรือไม่ ตนคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบอกเราว่า รัฐบาลกำลังหมดสภาพ ขณะที่ประชาชนกำลังหมดความอดทน รีบแก้ปัญหาเถอะ อย่าปล่อยให้เกิดเหตุแบบนี้รายวัน ไม่เช่นนั้น ตนจะเป็นตัวแทนญาติผู้ที่ได้รับผลกระทบฟ้องรัฐบาลฐานละเมิดไม่ได้รับการบริการสาธารณสุขที่ดีจากรัฐตามกฎหมาย
ส่วนกรณีของคุณประไพ ตนคิดว่าเป็นความชุ่ยของโรงพยาลที่ขาดความรับผิดชอบ ทำงานแบบลวกๆ ปฏิเสธการตรวจหาเชื้อแบบไม่มีเหตุผล แล้วปล่อยคนป่วยกลับบ้านจนเชื้อลุกลามนอนตายคาบ้าน ถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตนจะดำเนินคดีกับโรงพยาบาลนี้ให้เป็นคดีตัวอย่าง และสถิติผู้ป่วยโควิดสูงขึ้นทุกวัน ถ้ายังอยู่อย่างนี้ในไม่ช้าเราคงจะเห็นคนติดเชื้อวันละเป็นหมื่นคน ตายวันละเป็นร้อยคน ทำอะไรต้องรีบทำเถอะอย่าชินกับความตายของประชาชนเลย