ด้วยตัวเลขคาดการณ์ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ คือ มีนักท่องเที่ยวที่มีดีมานด์เข้าภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์แล้วจำนวนหนึ่ง และสายการบินที่คอนเฟิร์มบินเข้ามาแล้ว 5 ราย แต่ในทางปฏิบัติที่เกิดในช่วงที่ผ่านมาคือ ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าภูเก็ตแชนด์ยังไม่ได้รับใบรับรองในการเดินทาง หรือ COE ทำได้เพียงแค่เปิดลงทะเบียนรายชื่อไว้ เนื่องจากทางกระทรวงการต่างประเทศยังไม่สามารถอนุมัติใบรับรองในการเดินทาง หรือ COE ได้ จึงทำให้ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ยังไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะยังไม่ประกาศราชกิจจานุเบกษา ข้อมูล ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2564 ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ประตูเปิดท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จะเป็นประตูเปิดทาง เพื่อนำร่องการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่กำลังจะตามมาในอีก 9 จังหวัด ดังนั้นถ้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ประสบผลสำเร็จ การท่องเที่ยวไทยจะกลับมาคึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางของโลก (World leading destination) ในอันดับต้นๆ ของโลกอีกครั้ง ซึ่งการได้ร่วมประชุมรับฟังการรายงานการเตรียมความพร้อมจากหน่วยงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของด่านทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ การตรวจคนเข้าเมือง ความพร้อมด้านสาธารณสุข และความพร้อมของแอปพลิเคชั่น หมอชนะ ที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งก็น่าจะทำให้การนำร่องครั้งนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ได้มีการคาดการณ์กันว่าช่วง 3 เดือนแรก คือเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะสร้างรายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาประมาณ 100,000 คน พร้อมกันนี้ยังสร้างระดับความเชื่อมั่นในด้านมาตรฐานความปลอดภัยของสุขอนามัยในแหล่งท่องเที่ยว ที่เป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยว ไม่ว่าทั้งชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ จะพิจารณาก่อนเลือกเดินทางมาท่องเที่ยว ทั้งมาตรฐาน SHA และ SHA Plus ซึ่งปัจจุบันได้ผ่านการรับรองจาก World Travel and Tourism Council (WTTC) ให้ได้มาตรฐาน Safe Travels น่าจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นทางด้านสุขอนามัยของประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัว ภายใต้แผน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ รวมถึงเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นๆ นำไปปรับใช้เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีสถานประกอบการที่ได้ขึ้นทะเบียนมาตรฐาน SHA Plus ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 460 แห่ง โดย นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปยังเกาะพีพี เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่นำร่อง Extension Sealed routes (เกาะพีพี) พร้อมทั้งตรวจดูความพร้อมของจังหวัดกระบี่ ทั้ง 3 เกาะที่จะเป็น Sealed routes ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไร่เลย์ และเกาะไหง ก่อนที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวภายหลังการเปิด ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อย่างเป็นทางการโดยรวมทั้ง 3 เกาะ ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อม 100% ในทุกด้าน เช่น ความสะอาด ความปลอดภัย ระบบการติดตามนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยว ทั้งนี้ หากไม่เกิดการติดเชื้อ ภายหลังการเปิดโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 14 วัน หรือ หากมีการติดเชื้อ ไม่ถึง 90 คน ทั้ง 3 เกาะ ก็จะสามารถเปิดตามโครงการ Sealed routes ได้ตามแผนที่วางไว้ เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในภูเก็ต ด้าน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC กล่าวว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรือ ภูเก็ตในกล่องทราย เป็นการร่วมมือของทุกภาคส่วนในภูเก็ต ในการเปิดประเทศแบบเข้มข้นวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เพื่อนำร่องและเรียนรู้ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศในเดือนตุลาคม โดยมีขั้นตอนและกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างเต็มที่ ด้วยการระดมฉีดวัคซีนกันถึง 75% สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ขณะที่ช่วงเดือนกรกฎาคม หรือทั้งสามเดือนในไตรมาส 3 เป็นหน้าฝน หรือโลว์ซีซั่น ดังนั้นจะหวังให้ได้นักท่องเที่ยวเป็นกอบเป็นกำคงเป็นไปได้ยากมาก แต่ชาวภูเก็ตก็พร้อมที่จะเริ่ม เพื่อจะได้เรียนรู้และเตรียมความพร้อมสำหรับไฮซีซั่น ปลายปี และเป็นโมเดลให้ขยายต่อไปยังพื้นที่อื่นๆต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นการเปิด “กล่องทราย” ครั้งนี้ นอกจากจะเปิดตอนหน้ามรสุมของภูเก็ตแล้ว ยังเปิดท่ามกลางมรสุมการแพร่ระบาดโควิดของประเทศด้วย นักเดินทางทั้งในประเทศและชาวต่างชาติที่เดินทางมาในครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นแฟนพันธ์แท้จริงๆ สำหรับการอนุมัติใบรับรองในการเดินทาง หรือ COE จากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบ Vaccine Validation ผ่านระบบของ COE โดยเปิดให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปตรวจวัคซีนได้ ซึ่งทางผู้เดินทางที่กรอกข้อมูล พร้อมอัพโหลดวีซ่า ประกัน เป็นต้น รวมถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะตรวจสอบโดยล็อคอินเข้าหลังบ้านของระบบ COE เนื่องจากเมื่อเอกสารได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้เดินทางถึงจะนำไปดำเนินการส่วนอื่นๆ ต่อไปได้ เช่น การซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทาง จองโรงแรม เป็นต้น