เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr โดยระบุว่า
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ยิ่งวันยิ่งน่ากลัว เพราะยิ่งวันยิ่งใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที มีคนที่ผมรู้จักอย่างดีเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไป 2 คนในเวลาใกล้ๆกัน เมื่อวานผมไปธุระที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตอน 8.00 น เห็นผู้คนนั่งรอตรวจโควิดจำนวนมาก มีป้ายขึ้นบอกว่า วันนี้คิวเต็มแล้ว เปิดดูยอดติดเชื้อล่าสุดของเมื่อวานสูงถึง 5,406 ราย เสียชีวิต 21 ราย แสดงว่า ยิ่งตรวจยิ่งเจอ มีการตรวจเชิงรุกมากขึ้น ผู้คนตื่นตัวมาขอตรวจกันมากขึ้น ยิ่งพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น จึงเชื่อว่า ยอดติดเขื้อจะยังไม่ลดลงในอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ข้างหน้า นายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศไปหยกๆว่าจะเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นเช่นนี้ จึงต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดในจังหวัดสีแดงอีกครั้ง เพื่อกู้สถานการณ์กลับให้ดีขึ้นโดยเร็ว นายกรัฐมนตรี ให้ข่าวว่าจะไม่ล็อคดาวน์ แต่จะใช้มาตรการเข้มงวดกับจังหวัดสีแดง และแน่นอนต้องรวมกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับแรกของประเทศ เมื่อมีประกาศที่ปรากฏในเว็บไซท์ของราชกิจจานุเบกษา เวลาประมาณ 1.00 น ของวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน เนื้อความคือใช้มาตรการเข้มงวด เช่น ห้ามนั่งทานอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านได้เท่านั้น ปิดแค้มป์ก่อสร้างเป็นต้น แต่เมื่อไปลงเป็นข่าว ผู้เขียนข่าวหลายสำนัก ต่างพากันพาดหัวข่าวว่า ล็อคดาวน์กันหมด ด้วยเหตุนี้จึงเกิดดราม่าเรื่องล็อคดาวน์กันยกใหญ่ มีการโจมตีนายกรัฐมนตรีใน social media กันอย่างสาดเสียเทเสีย ด้วยถ้อยคำหยาบ ว่านายกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันหนึ่งบอกไม่ล็อคดาวน์ ประกาศออกมากลับเป็นล็อคดาวน์ ความจริง เนื้อหาในประกาศไม่ได้แตกต่างจากที่นายกรัฐมนตรีให้ข่าวไว้แต่อย่างใดเลย นอกจากนี้ นักข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่า ยังไหวหรือเปล่า นายกฯจึงชู 2 นิ้ว เป็นสัญญานว่า ไหว และหัวเราะ พูดเล่นกับนักข่าว ดราม่าจึงดำเนินต่อว่า นายกฯอำมหิต ไม่ได้มีความสงสารประชาชน เห็นน้ำตาประชาชนบ้างหรือไม่ สารพัดที่จะโจมตี มองอย่างตรงไปตรงมา การที่นายกรัฐมนตรี พูดเล่นกับนักข่าว ขณะสถานการณ์โควิดกำลังเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นท่าทีที่ไม่ค่อยเหมาะสม แต่นั่นแสดงถึงความจริงใจที่ไม่มีเสแสร้ง ไม่สร้างภาพของนายกรัฐมนตรี หลายคนมองว่ารัฐบาลล้มเหลวในการจัดการโควิด เป็นรัฐบาลอื่นต้องทำได้ดีกว่านี้ พูดกันตามจริง ที่สถานการณ์โควิดเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นผลมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลในหลายเรื่องตลอดระยะเวลาตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน แต่ที่เป็นที่โจมตีกันมากเป็นพิเศษ ก็คือเรื่องการจัดการวัคซีน เราลองมาพิจารณาเรื่องนี้โดยใช้ข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้ง ว่าจริงๆแล้ว รัฐบาลมีความผิดพลาดหรือไม่ อย่างไร กรณีการเข้าร่วมหรือไม่ร่วมใน COVAX ต้องทราบข้อเท็จจริงว่า ประเทศไทยไม่จัดอยู่ในประเทศยากจน จึงไม่มีทางที่จะได้รับการจัดสรรวัคซีนฟรี หรือราคาถูก ดังนั้น การจะเข้าร่วมใน COVAX จะต้องจ่ายเงินลงทุนล่วงหน้า ซึ่งมีรูปแบบการเข้าร่วม 2 รูปแบบ รูปแบบหนึ่ง ลงเงินล่วงหน้าลงเงินน้อยกว่า แต่ไม่สามารถเลือกชนิดวัคซีนได้ มีวัคซีนชนิดไหนก็ต้องรับ อีกรูปแบบหนึ่ง ลงเงินมากกว่า สามารถเลือกชนิดวัคซีนได้ แต่ไม่มีหลักประกันว่าจะได้วัคซีนชนิดที่เลือก หากไม่มีวัคซีนที่เลือกไว้ ก็ต้องรอจนกว่าจะมี ในขณะนั้น ทุกบริษัทยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาวัคซีน ยังไม่มีบริษัทไหนพัฒนาและทำการทดลองสำเร็จแล้วแม้แต่บริษัทเดียว ขณะนั้นสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อน้อยมาก และต่อมาไม่ผู้ติดเชื้อต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เมือมีการเจรจากับ Astra Zeneca โดยมีบริษัทปูนซีเมนต์ไทย หรือ SCG เป็นตัวกลาง รัฐบาลเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะสำเร็จสูง และเป็นข้อตกลงที่จะให้บริษัทSiam Bioscience เป็นผู้ผลิตในประเทศไทย แต่อาจต้องรอถึงเดือนมิถุนายนของอีกปี จึงจะสามารถผลิตในประเทศได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดของเราไม่น่ากลัว จึงคาดว่าน่าจะทัน นั่นเป็นสาเหตุของการที่ไม่เข้าร่วมใน COVAX อีกประการ การรอเวลา ยังไม่ผูกมัดกับใครมากเกินไป ก็มีผลดี เพราะในขณะนั้น ยังไม่มีใครทราบว่าวัคซีนแต่ละยี่ห้อใครจะผลิตสำเร็จก่อน แต่ละขนิดจะมีผลข้างเคียงอย่างไร ทุกวันนี้วัคซีน pfizer และ moderna ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ที่ฝ่ายโจมตีรัฐบาลบอกว่า เป็นวัคซีนที่ดีที่สุด ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าในระยะยาวจะมีผลข้างเคียงอื่นๆอีกหรือไม่ เนื่องเพราะ เป็นเทคโนโยนีใหม่ที่ใช้เป็นครั้งแรกในโลก รัฐบาลสามารถทำอย่างประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษทำ คือเข้าร่วมใน COVAX และแยกเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนทุกบริษัทไปพร้อมๆกัน แต่นั่นหมายถึงการจะต้องลงเงินล่วงหน้าให้กับแต่ละบริษัทโดยตรงอีกต่างหาก และไม่มีหลักประกันว่าจะบริษัทนั้นๆจะพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ และถ้าไม่สำเร็จ ก็จะไม่ได้รับเงินคืน เมื่อสถานการณ์โควิดเลวร้ายลง จะว่าไปรัฐบาลก็มีส่วนผิด เพราะไม่จัดการปฏิรูปตำรวจ และปล่อยให้มีการทุจริตลักลอบแรงงานเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ทำให้เกิด cluster ของการติดเชื้อหลายแห่ง สมุทรสาคร บ่อนการพนันระยอง ทองหล่อ ทั้งยังปล่อยให้เดินทางกันตามสบายช่วงวันหยุดสงกรานต์ เมื่อสถานการณ์บังคับ ไม่สามารถรอวัคซีนที่ผลิตในประเทศได้รัฐบาลจึงต้องรีบจัดหาวัคซีนอย่างรีบด่วน จึงไปได้วัคซีน sinovac และ astra zeneca ที่ผลิตจากประเทศอื่น มาบรรเทาปัญหาไปก่อน ส่วนวัคซีนอื่นเช่น pfizer moderna Johnson & Johnson ยังไม่สามารถจัดหามาได้ เนื่องจากเขาต้องให้กับประเทศที่จ่าย เงินล่วงหน้าก่อน โดยเฉพาะประเทศของผู้ผลิตเอง คือสหรัฐอเมริกา ก็ย่อมต้องสั่งวัคซีนมาตุนไว้เพื่อใช้ในประเทศของเขาก่อนเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม วัคซีนยี่ห้อต่างๆ ทั้ง pfizer moderna johnson & johnson และ sputnik v ก็จะทะยอยมาในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ การโจมตีการตัดสินใจของรัฐบาลว่าผิดพลาด และว่าต้องทำอย่างไรนั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะเรารู้ผลที่เกิดขึ้นแล้ว แต่หากเราลองนำตัวเราเองไปนั่งอยู่ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แล้วลองย้อนเวลากลับไปปีที่แล้ว ใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจเท่าที่มีอยู่ในตอนนั้น บางทีการตัดสินใจของเราอาจไม่แตกต่างจากการตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับวัคซีนก็ได้ ที่น่าตำหนิคือ การโจมตีอย่างมีอคติ ใช้คำหยาบ จงใจบิดจากความจริง ของทั้งบุคคลที่โพสต์ลงใน social media และทั้งสำนักข่าวออนไลน์หลายแห่ง จงใจทำทุกวิถีทางที่จะทำให้รัฐบาลดูเลวร้ายกว่าที่เป็นจริง ไม่ทราบว่าทำเพราะความเกลียดชัง ไม่พอใจหรือเพื่อกลุ่มการเมืองที่ตัวเองสนับสนุน หรือให้การสนับสนุนต่อตัวเอง หรือทั้ง 2 อย่าง ผมไม่เคยเห็นว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรเป็นนายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่มีการทำรัฐประหาร และก็ไม่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ มีความเห็นใจพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ไม่น้อย พวกที่จะให้พลเอก ประยุทธ์ลาออก โปรดบอกมาด้วย ลาออกแล้วยังไงต่อ ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนในยามนี้ด้วยช่องทางไหน ลาออกแล้วเป็นไปได้หรือที่จะได้นายกรัฐมนตรีที่เก่งจริง ดีจริงมาดำรงตำแหน่งแทน หากไม่มีข้อเสนอที่ดีกว่า และเป็นไปได้ กรุณาอย่าเรียกร้องดีกว่าครับ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย