NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ " ยืนยันแล้ว! ปริศนาการหรี่แสงของ #ดาวบีเทลจุส ในช่วงปีที่ผ่านมา หลายคนคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับดาวฤกษ์บีเทลจุส (Betelgeuse) ที่มีความสว่างเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างต่อเนื่อง จนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า ข่าวนี้สร้างความฮือฮาอย่างมากต่อวงการดาราศาสตร์ เพราะอาจเกิดจากการยุบขยายของผิวดาว ที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงชะตากรรมสุดท้ายของดาวบีเทลจุส นั่นก็คือการระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา หากเกิดขึ้นจริงดาวบีเทลจุสจะส่องสว่างอยู่บนฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของดวงจันทร์เต็มดวง ส่งผลให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไปได้อีกหลายวัน ก่อนที่จะจางหายไปตลอดกาล ล่าสุดงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Nature เผยผลการศึกษาพฤติกรรมดาวบีเทลจุสในช่วงที่แสงสว่างลดลง ด้วยกล้องโทรทรรศน์ Very Large Telescope (VLT) ในประเทศชิลี พบว่าการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดาวบีเทลจุส ไม่ได้เกิดขึ้นจากการแปรแสงจากตัวมันเอง แต่กลับเป็นผลจากแก๊สร้อนขนาดมหึมาที่ปะทุออกมาจากดาวบีเทลจุส เกิดเย็นตัวลง และกลายเป็น #ฝุ่น มาบดบังดาว ทำให้ดาวบีเทลจุสมีความสว่างลดลง นักดาราศาสตร์ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงชีวิตดาวฤกษ์ที่เป็นดาวยักษ์แดงอายุมาก จะมีอัตราการปะทุและสูญเสียมวลดาวค่อนข้างสูงก่อนจะระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา แต่สำหรับดาวบีเทลจุส ยังถือเป็นดาวยักษ์แดงอายุน้อย จึงไม่น่าจะมีโอกาสที่เราจะได้เห็นมันระเบิดและหายจากกลุ่มดาวนายพรานในช่วงชีวิตเราอย่างแน่นอน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะทำให้เราพลาดโอกาสในการชมความมหัศจรรย์ที่หาได้ยากมากของดาวฤกษ์บนท้องฟ้า แต่ก็ทำให้นักดาราศาสตร์เข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของดาวฤกษ์ในช่วงวิวัฒนาการเป็นดาวยักษ์แดงได้อย่างละเอียดมากขึ้น เป็นข้อมูลสำคัญในการอธิบายวิวัฒนาการและพฤติกรรมในแต่ละช่วงชีวิตของดาวฤกษ์อื่น ๆ ในอนาคต เรียบเรียง : เจษฎา กีรติภารัตน์ - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร. อ้างอิง : [1] https://www.nature.com/articles/s41586-021-03546-8 [2] https://www.universetoday.com/.../betelgeuses.../... [3] https://www.bbc.com/news/science-environment-57501416 [4] https://bit.ly/3h2prj9"