สถานการณ์โรคโควิต-19 จังหวัดร้อยเอ็ด ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2564 รักษาหายเพิ่ม 2 ราย(รักษาตายสะสม 271 ราย) ยังคงรักษตัวอยู่โรงพยาบถ 73 ราย เสียชีวิตสะสม 7 ราย วันนี้พบผู้ดิดชื่อโรคโควิต-19 เพิ่มขึ้น2 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 351 ราย ดังนี้ อำเภอหนองพอก 1 ราย เดินทางกลับจาก จ.อยุธยา - ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 350 เพศช าย อายุ 35 ปี ภูมิสำเนา ต.บึงงาม อ.หนองพอก อาชีพพนักงานบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม อ.วังน้อย จ อยุธยา ตรวจหาเชื้อฯก่อนเดินทางกลับ จ.ร้อยเอ็ด ทราบผลพบเชื้อฯ แจ้งขอรับการรักษาที่ รพ. ร้อยเอ็ด อำเภอปทุมรัตต์ 1 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง - ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 351 เทศชาย อายุ 7 ปี ต.โพนสูง อ .ปทุมรัตต์ เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อรายที่ 348 ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิต-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น พบการเกิดระบาตเป็นกลุ่มก้อน ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ในพื้นที่คาบคุมสูสุดและเข้มงาถ ในขึ้นที่กรุงเทพาและปริมณทสนอรปรุม นนทบุรี ปชุมธานี สมุทรปราการ และ สมุทรสาคร และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาศใต้นราธิวาส บัดตานี ยะลา และ สงชลา) จังหวัดร้อยเอ็ต ขอให้ประชาชนงดหรือซะลอการเดินทางในช่งวลาโตไม่มีเหตุจำเป็น โดยเจพาะให้หลีกเสี่ยงการเดินทางเข้าไป ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวตในพื้นที่ 10 จังหวัดข้างต้นการเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งงุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทางให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด หากพบประชาชนที่เดินทางมาจากขึ้นที่คาบคุมสูงสุดและท้งาถ งะต้องคำเนินการตามมาดรการคาบคุมและข้องกันชอ โดยการคาบคุมไว้สังเกตแยกกัก หรือกักกัน ในพื้นที่ทำนักหรือสถานที่ทางราากางกำหนง เป็นเวลา 14 วันหรือตามหลักเกณย์แนาปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ /ประชาชนที่เดินทางจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามาภายในชังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อถึงพื้นที่ปลายทาง หมู่บ้าน หรือสถานที่อื่นใด จะต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ กะใน 24 ชั่:โมง และต้องปฏิบัติด มคำเนะนำ ของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติดามมีความผิดดาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาดรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาดรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่กินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดดามมาดรา 18 แห่งพระราชกำหนดกรบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2564 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ