“เพื่อไทย” ปูด “ส.ว.”จ่อยื่นศาลรธน.ล้มแก้ รธน.ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ อ้างรธน.ม.86(4) กำหนดจำนวนส.ส. 350 คน วอนช่วยกันแก้ในชั้นกมธ. “องอาจ” ยันร่างรธน. 6 ฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ แก้ไขบนหลักการเพื่อประโยชน์ประชาชน ส่วน “ทำเนียบฯ” ผวาโควิด ขอจำกัดสื่อเข้าทำงาน
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.64 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ผลการลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาธิปัตย์ เพียงร่างเดียวในประเด็นระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งมีการวิจารณ์ว่าอาจยังไม่สมบูรณ์ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคมีความสมบูรณ์เพียงพอและมีหลักการเหตุผลที่เสนอต่อรัฐสภาอย่างชัดเจน ส่วนที่บางฝ่ายกังวลว่าบางมาตรา ในรัฐธรรมนูญ ขัดหรือแย้งกับมาตรา 83 และมาตรา 91 ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ ก็สามารถดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับหลักการและเจตนารมณ์ที่สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากพิจารณาผ่านรับหลักการจากที่ประชุมรัฐสภามาแล้ว ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาจนถึงขั้นดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปไม่ได้ เชื่อว่าคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากทุกฝ่ายจะสามารถแก้ไขให้สอดคล้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาธิปัตย์เสนอได้
“พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ร่างของพรรคเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของประชาชน รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้ระบบบัตร 2 ใบที่ผ่านขั้นรับหลักการของรัฐสภามาแล้ว ประชาธิปัตย์ก็เสนอแก้ไขเพื่อประโยชน์ของประชาชนบนหลักการสำคัญ 3 ประการคือ 1.เพื่อสนับสนุนการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านการเลือกตั้งเป็นอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง 2.ประชาชนสามารถแสดงออกถึงเจตจำนงของตนในการคัดกรองผู้แทนเข้าสู่อำนาจ ไม่ต้องถูกมัดมือชกว่าต้องเลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคจากบัตรใบเดียว แต่สามารถเลือก ส.ส.เขตและพรรคที่แยกกันจากบัตร 2 ใบ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกตามเจตจำนงของตนได้มากขึ้นกว่าระบบบัตรใบเดียวและ3.ทำให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ เสรีภาพ ผ่านการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในหมวดว่าด้วยสิทธิ เสรีภาพ”
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสียดายอีก 5 ร่างไม่ผ่านการเห็นชอบรับหลักการของรัฐสภา เพราะอีก 5 ร่างก็ล้วนแล้วอยู่บนพื้นฐานของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประชาชน และทำให้รัฐธรรมนูญไทยเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สิทธิประชาชน สิทธิชุมชน สิทธิผู้บริโภค สิทธิการถือครองที่ดินที่ดีกว่าเดิม และการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างกลไกให้การเลือกนายกรัฐมนตรียึดโยงกับประชาชนมากยิ่งขึ้น แต่การที่สมาชิกรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงหนึ่งร่างของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนบนพื้นฐานของการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้นต่อไป
ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงผลการลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาธิปัตย์ เพียงร่างเดียวว่า เรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบนั้น ร่างของพรรคเพื่อไทย มีการแก้ 8 มาตราที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีความสมบูรณ์ ทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้ง ขณะที่ร่างของพรรคประชาธิปัตย์ มีการเสนอแก้เพียง 2 มาตรา คือมาตรา 83 และ 91 โดยให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งปัญหาคือ มี ส.ว.กลุ่มหนึ่งเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญล้มไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกมาตรา 86 (4) กำหนดว่ามี ส.ส.จำนวน 350 คน ตนจึงขอเรียนว่า เรื่องนี้เราต้องช่วยกัน เพราะรัฐสภาได้มีเจตนารมณ์ร่วมกันที่มีการรับร่างให้มีการแก้ไขตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ เสนอ หาก ส.ว.ใจกว้างรับร่างที่ 3 ของพรรคเพื่อไทยก็จะไม่มีปัญหา ซึ่งร่างของเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักการเดียวกันเลย แต่ตนยังเชื่อว่าเรื่องนี้ยังสามารถแก้ไขได้ในชั้น กมธ. เช่นว่าให้ยกเว้นข้อความในมาตรา 86 (4) เราต้องทำเรื่องนี้ให้ผ่านให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณ ฑล โดยมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงมาตรการ 5 ข้อ ทางสำนักโฆษก สำนักงานเลขาธิการนายกฯ ได้ออกประกาศแจ้งสื่อมวลชนทำเนียบฯ ว่า ขอใช้มาตรการความร่วมมือการปฏิบัติงานในทำเนียบฯ โดยให้ผู้สื่อข่าวทีวี จำ กัดให้ช่องละ 2 ทีม สำนักข่าว และผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ จำกัดให้สังกัดละ 2 คน และขอเพิ่มมาตรการให้ทุกคนระมัดระวังสูงสุดในการป้องกันโควิด-19