โควิดไทยยังวิกฤติติดเชื้อ 3,995 รายดับเพิ่ม 42 ราย ยอดดับจ่อทะลุ 2 พัน ด้าน “โฆษก รบ.” ยันประกาศคุมเข้มพื้นที่ 10จังหวัด พื้นที่“กทม.-ปริมณฑล” ไม่ใช่ “ล็อกดาวน์” ระบุเป็นการยกระดับมาตรการ ให้สอดคล้องการแพร่ระบาด ขออย่าเดินทางข้ามจังหวัด ขณะที่ ขณะที่ “ทหาร-ตร.-สธ.-กทม. “นับหมื่นนายลุยตรวจ 575 แคมป์คนงาน ส่วน “ผบ.ตร.” กำชับทุกพื้นที่ขานรับมาตรการคุมโควิด 10 จังหวัดสูงสุด ขู่พื้นที่ใดปล่อยเกียร์ว่างเจอวินัย-อาญา
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.64 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวม 3,995 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 3,950 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 45 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 215,584 ราย มีเสียชีวิตเพิ่ม 4 2 ราย รวมยอดเสียชีวิตสะสม 1,912 ราย สำหรับผู้เสียชีวิต 42 รายพบในกทม.มากที่สุด 27 ราย จังหวัดปริมณฑล 5 ราย จังหวัดอื่นๆ 9 ราย และเรือน จำ 2 ราย สำหรับจังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่ อยู่ในกทม.1,370 ราย ปริมณฑล 917 รายและจังหวัดอื่นๆ 1,628 ราย
ด้าน นายสุวัฒน์ จันทร์สุข นายอำเภอชุมแสง จ.นครสวรรค์ ได้ออกประกาศปิดให้บริการโรงพยาบาลชุม แสง เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันนี้(27 มิ.ย.64) ไปจนถึง 10 ก.ค. ยกเว้นแผนกฉุกเฉิน หลังพบว่ามีบุคลากรของโรงพยาบาลติดเชื้อโควิด-19 ถึง 4 ราย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ รวมทั้งยังได้มีการนำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งหมดกว่า 240 ชีวิต ไปตรวจหาเชื้อโควิดด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลชุมแสง ติดเชื้อโควิด-19 มาจากเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีหญิงสาวรายหนึ่งมาคลอดลูกที่โรงพยาบาล และหลังจากคลอดบุตร ก็มีอาการป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้งด้วยอาการเหนื่อยแน่นหน้าอก ก่อนพบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 จึงได้รีบทำการตรวจสอบไทม์ไลน์ย้อนหลัง พร้อมให้แพทย์ และพยาบาล จำนวน 7 ราย ที่ทำคลอดให้กับหญิงสาวรายนี้ มาตรวจหาเชื้อและพบว่า มีผู้ติดเชื้อถึง 4 ราย ส่วนอีก 3 รายกำลังรอผลการตรวจเชื้อ
ส่วน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯได้ประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 25 ที่เผยแพร่ผ่านเว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา เป็นการใช้มาตรการเร่งด่วน เพื่อควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุม ธานี ปัตตานี ยะลา สงขลา สมุทรปราการและสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน สถานประกอบการ ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ล็อกดาวน์
“ข้อกำหนดที่เข้มข้น เป็นการยกระดับมาตรการเป็นการชั่วคราว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยมีผลในพื้นที่และกลุ่มเสี่ยงสูง สำหรับพี่น้องประชาชนทั่วไปยังสามารถเดินทางและดำเนินกิจกรรมประ จำวันตามปกติ และขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงนี้”
พล.ต. ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) ได้สั่งการให้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงตำรวจ, กองบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเหล่าทัพ จัดกำลังพล ร่วมสนธิและวางกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเจ้าหน้าที่ รวมจำนวน 10,000 นายเศษ เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในพื้นที่ 50 เขต ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 575 แคมป์งานก่อสร้าง
“สำหรับกำลังพลที่เข้าปฏิบัติหน้าที่แต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้น จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้โดยเร็ว โดยระหว่างนี้ กำลังพลทุกนายจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากากอนามัยขณะปฎิบัติภารกิจตลอดเวลา การสวมใส่เฟสชิลด์ และพกสเปรย์แอลกอฮอล์ รวมทั้งการรักษาสุขอนามัยในขณะปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ กำลังพลจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโรค และกักตนเองแยกจากครอบครัวเป็นเวลา 14 วัน”
ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ. ตร.ได้กำชับหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานทหาร สาธารณสุข ฝ่ายปก ครอง และหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดพร้อมสนับสนุนกำลังเมื่อมีการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 25 หากพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลย ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูล มายังหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.