ไหลเฮือญ้อ หรือประเพณีไหลเรือไฟเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งที่ชาวอีสานสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ในเทศกาลออกพรรษา ซึ่งทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ ถึงแรม 1ค่ำ เดือน 11 ตามแม่น้ำลำคลอง  ซึ่งจังหวัดมหาสารคามนั้นได้มีการจัดประเพณีไหลเรือไฟ ไทญ้อ ขึ้นทุกปี เรือไฟ หรือ ภาษาถิ่นหรือภาษาไทญ้อเรียกกันว่า เฮือไฟ  เป็นเรือที่ทำด้วยต้นกล้วยท่อนกล้วยหรือไม้ไผ่ ต่อเป็นเรือลำยาวประมาณ 5- วา  ข้าวในบรรจุขนม ข้าวต้มผัดหรือสิ่งของที่ต้องการบริจาคทานข้างนอกหรือมีดอกไม้ ธูปเทียน ตะเกียง ขี้ไต้ สำหรับจุดให้สว่างไสวก่อนจะปล่อยเรือไฟ ซึ่งเรียกว่า การไหลเรือไฟ หรือปล่อยเฮือไฟ ซึ่งการไหลเรือไฟ นั้นมีคตินิยมเช่นเดียวกับการลอยกระทง แต่เป็นการลอยกระทงก่อนที่อื่น 1เดือน โดยมีความเชื่อกันว่า เกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาทที่ประทับไว้ ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนันทนามหานที หรือความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระรัตนตรัย ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระแม่คงคา ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระรัตนตรัย  ความเชื่อเกี่ยวกับกาบูชาพระรัตนตรัยความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพญานาค ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาขอขมาพระแม่คงคา นางนุชรินทร์  เมืองจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า  ชาวญ้อ มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองหงสาตอนเหนือของลาว ติดกับประเทศจีนต่อมา ในปี พ.ศ.2351 อพยพลงมาจากทางใต้ ตามลุ่มแม่น้ำโขง และเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อเจ้าอนุวงศ์เจ้าเมืองจันทร์ที่บริเวณหาดดอนทราย หลังจากนั้นเจ้าอนุวงศ์ให้ชาวญ้อเข้ามาอยู่ในฝังขวาแม่น้ำโขงตั้งหลักปักฐานที่เมืองไทยบุรีปากแม่น้ำสงครามแต่ยังขึ้นตรงต่อเจ้าอนุวงศ์ “ต่อมาในปี พ.ศ.2369 ตรงกับสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่3 ) เจ้าอนุวงศ์ปราบกบฏต่อการปกครองสยาม จึงนำชาวญ้อเมืองไชยบุรีมายงฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงโปรดให้ตั้งเมืองใหม่ 3 เมืองคือ เมืองปุลิง เมืองคำเกิด และเมืองคำม่วน โดยแต่งตั้งให้ท้าวหม้อเป็นผู้นำโดยตรงขึ้นอยู่กับเจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทร์ ชาวญ้อซึ่งอพยพ มากระจัดกระจายกันตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดมหาสารคาม หลายหมู่บ้าน อาทิ เช่น บ้านดอนเวียงจันทร์ บ้านดอนยม  บ้านดอนนาโดยมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ชาวญ้อในพื้นที่ท่าขอนยาง  อาศัยอยู่บริเวณท่าน้ำติดน้ำชี มีพื้นที่ราบลุ่ม ดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเกษตรกรรม ด้วยวิสัยทัศน์ของท้าวคำก้อน ผู้นำชาวบ้านเลือกตั้งบ้านแปลงเมืองที่จะทำให้เป็นบ้านที่มีความอุดมสมบูรณ์  ให้ลูกหลานได้อยู่ดีกินดี มีความสุข  ใช้หลักการมีน้ำ  มีป่า บ้านเมืองได้องค์ประกอบสามอย่างนี้เจริญรุ่งเรื่องจนถึงปัจจุบัน” นางนุชรินทร์ กล่าว ด้านนายสุบัน ชุ่มอภัย กำนันตำบลท่าขนยาง ต.ขามเรียง.อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ชุมชนได้ร่วมกับ กทท. ชุมชนร่วมกันสืบสานประเพณีไหลเรือไฟไทญ้อและลอยกะะทงในเทศกาลออกพรรษา เช่นอดีตได้กล่าวไว้ว่าเป็นการปล่อยความทุกข์ หรือความไม่ดีออกไปให้ปล่อยไปกับสายน้ำ ซึ่งภายในเขตเทศบาลท่าขอนยางจะได้มีชุมชนชาวไทญ้อ ซึ่งเป็นชาวญ้อ และอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลขามเรียง ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบัน คือบ้านท่าขอนยาง  ซึ่งชาวไทยญ้อได้เข้ามาอาศัยอยู่ช่วงสมัยรัชกาลที่3 ชาวไทญ้อได้มีวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือเทศกาลประเพณีไหลเรือไฟ ในวันออกพรรษา และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีของชาวไทญ้อ   “ชุมชนขามเรียง ตำบลท่าขอนยางจึงได้มีการร่วมการท่องเที่ยว ชุมชน  ซึ่งมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือ สนับสนุน  เพื่อเป็นการอนุรักษ์ขนมธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเผยแพร่ประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้ประชานทั่วไปได้รับรู้อย่างกว้างขวางและเพื่อเผยแพร่ให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ทราบถึงเรื่องราวของชาวไทญ้อที่กำลังจะสูญหายไป โดยให้เยาวชนรุ่นหลังได้ตระหนัก และสืบสานประเพณีอันีงามไว้ตลอดไป” นายสุบัน กล่าว สำหรับกำหนดการงานประเพณีไหลหุ่นเรือไฟวันออกพรรษาท่าขอนยาง วันที่ 3พฤศจิกายน 2560. เส้นทางขบวน จากวงเวียน หน้าโรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม เวลา 13.00 น เคลื่อนขบวนประกอบด้วย 4ขบวน ขบวนที่1 ก่อเกิดวิถีสดุดีมหาราชา รูปแบบขบวนเทิดพระเกียต ร.10  ขบวนที่ ลอยกระทงกาบกล้วยใบตองสายรถกระทงและนางนพมาศ ขยวนที่3 ล่องหุ่นเฮือไฟ รถหุ่นไหลเรือไฟลูกพญานาคพ่นน้ำสีทอง ขบวนที่ 4 ฮีตฮอยน้ำใจไทยชาวญ้อ  และการแสดงชุด ฟ้อนรวมน้ำใจชาวไทญ้อ