ฝ่าฝืนปรับวันละ 3 หมื่น ตั้งแต่ 30 ต.ค.60 เป็นต้นไป หลังคณะกรรมการอุทธรณ์ฯไม่รับคำร้อง กทม.ยันต้องรื้อถอนตามคำสั่งศาล พร้อมคำนวณค่ารื้อเสร็จสรรพ 200 ล. ปลายก.พ.หน้าลงมือ และจะฟ้องเจ้าของตึกเรียกค่ารื้อคืน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดและการติดตั้งป้ายระงับการใช้อาคารดิเอทัช ซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน ซึ่งอาคารดิเอทัส เป็นอาคารสูงเกินที่กฎหมายกำหนด มีโรงแรมดิเอทัส บางกอก มีความสูง 24 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 28,000 ตร.ม. และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ดิ เอทัส เรสซิเดนซ์ สูง 18 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 29,000 ตร.ม. ซึ่งการก่อสร้างอาคารที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่มีเขตความกว้างติดถนนสาธารณะไม่ถึง 10 เมตร
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งพิพากษาให้รื้อถอนอาคารดังกล่าว กทม.โดยสำนักงานเขตปทุมวัน ไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นสิทธิที่เจ้าของอาคารจะสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ต้องรอผลอุทธรณ์ จนในที่สุดเมื่อปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ได้มีมติไม่รับพิจารณาคำร้อง สำนักงานเขตปทุมวันจึงติดป้ายประการห้ามใช้อาคาร ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.60 เป็นต้นไป หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามทางสำนักงานเขตปทุมวันจะกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อสน.ลุมพินี เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อเจ้าของและผู้ใช้อาคาร โดยปรับตามกฎหมายกำหนดคือวันละ ไม่เกิน 30,000 บาท
ส่วนการรื้อถอนอาคารยืนยันว่ากทม.จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล ซึ่งขณะนี้สำนักงานเขตปทุมวันมอบหมายให้สำนักการโยธาคำนวณค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนอาคาร ซึ่งในส่วนของโรงแรมมีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน 102 ล้านบาท และอพาร์ตเม้นท์ 96 ล้านบาท รวมทั้งหมด 198 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขอเบิกเงินจากกระทรวงการคลัง ก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างหาผู้รับเหมาที่มีความสามารถในการรื้ออาคารขนาดใหญ่ คาดว่าทุกกระบวนการจะเสร็จและพร้อมรื้อประมาณปลายเดือน ก.พ. 61 ส่วนค่ารื้อถอนทั้งหมด ทางกทม.จะฟ้องเรียกคืนจากเจ้าของอาคาร