เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญระบบบัตร 2 ใบ ซึ่งมีการวิจารณ์ว่าอาจยังไม่สมบูรณ์ว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคมีความสมบูรณ์เพียงพอและมีหลักการเหตุผลที่เสนอต่อรัฐสภาอย่างชัดเจน
นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนที่บางฝ่ายกังวลว่าบางมาตราในรัฐธรรมนูญ ขัดหรือแย้งกับมาตรา 83 และมาตรา 91 ที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ ก็สามารถดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับหลักการและเจตนารมณ์ที่สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากพิจารณาผ่านรับหลักการจากที่ประชุมรัฐสภามาแล้ว ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาจนถึงขั้นดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปไม่ได้ เชื่อว่าคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากทุกฝ่ายจะสามารถแก้ไขให้สอดคล้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาธิปัตย์เสนอได้
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ร่างของพรรคเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของประชาชน รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้ระบบบัตร 2 ใบที่ผ่านขั้นรับหลักการของรัฐสภามาแล้ว ประชาธิปัตย์ก็เสนอแก้ไขเพื่อประโยชน์ของประชาชนบนหลักการสำคัญ 3 ประการคือ 1.เพื่อสนับสนุนการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านการเลือกตั้งเป็นอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง 2.ประชาชนสามารถแสดงออกถึงเจตจำนงของตนในการคัดกรองผู้แทนเข้าสู่อำนาจ ไม่ต้องถูกมัดมือชกว่าต้องเลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคจากบัตรใบเดียว แต่สามารถเลือก ส.ส.เขตและพรรคที่แยกกันจากบัตร 2 ใบ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกตามเจตจำนงของตนได้มากขึ้นกว่าระบบบัตรใบเดียวและ3.ทำให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ เสรีภาพ ผ่านการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในหมวดว่าด้วยสิทธิ เสรีภาพ
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสียดายอีก 5 ร่างไม่ผ่านการเห็นชอบรับหลักการของรัฐสภา เพราะอีก 5 ร่างก็ล้วนแล้วอยู่บนพื้นฐานของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของประชาชน และทำให้รัฐธรรมนูญไทยเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สิทธิประชาชน สิทธิชุมชน สิทธิผู้บริโภค สิทธิการถือครองที่ดินที่ดีกว่าเดิม และการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างกลไกให้การเลือกนายกรัฐมนตรียึดโยงกับประชาชนมากยิ่งขึ้น แต่การที่สมาชิกรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงหนึ่งร่างของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนบนพื้นฐานของการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้นต่อไป